เมื่อ15 ปีที่แล้ว ในเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพมหานคร ในปี 2541 เชื่อว่า แฟนๆกีฬายิมนาสติกน่าจะจำลีลาของนายอมรเทพ แววแสง ราชายิมนาสติกของไทยกันได้ ซึ่ีงเขาสามารถทำผลงานในอุปกรณ์ห่วงนิ่งได้ 9.80 คะแนน ชนะคู่แข่งสำคัญจากจีน และคว้าเหรียญทองให้กับประเทศไทยได้สำเร็จ ซึ่งเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ที่นักกีฬายิมนาสติกไทยยังไม่เคยทำได้อีก จนถึงปัจจุบัน แม้นายอมรเทพ จะเลิกเล่นทีมชาติมา 13 ปีแล้ว แต่มีโอกาสได้ช่วยงานสมาคมอยู่บ้าง
นายอมรเทพ เผยว่า นักกีฬายิมนาสติกของไทยไม่ได้มีผลงานแย่ลง แต่เพราะระบบของวงการกีฬาไทยที่มีการแข่งขันซ้ำซ้อน ทั้งกีฬาแห่งชาติ,กีฬาเยาวชน,กีฬานักเรียนและกีฬามหาวิทยาลัย ทำให้นักกีฬาใช้ร่างกายเปลืองเกินไปกับความคาดหวังของต้นสังกัด ซึ่งหากสมาคมต้องการผลงานระดับนานาชาติจริงๆ จะต้องวางแผนระยะยาว และเน้นเฉพาะรายการใหญ่เหมือนในอดีตเมื่อกว่า 10 ปีก่อน
นายอมรเทพ เชื่อว่า นายกสมาคมคนใหม่จะสามารถพลิกโฉมวงการยิมนาสติกไทยได้ หากสามารถหางบประมาณมาเสริมกับงบประมาณของผู้สนับสนุนเดิม เนื่องจากปัจจุบันสมาคมยิมนาสติกเติบโตขึ้น และต้องกระจายมาตรฐานให้กับยิมนาสติกทั้ง 5 ประเภท คือ ยิมฯศิลป์ชาย-หญิง,ยิมฯลีลา แทรมโปลีน และสปอร์ต แอโรบิก อย่างเท่าเทียมกัน จึงต้องมีงบประมาณที่ชัดเจนในการบริหารจัดการ
นอกจากนี้นายอมรเทพ ยังรู้สึกยินดีที่นายกสมาคมคนใหม่มีแนวคิดจะสร้างศูนย์ฝึกยิมนาสติกเป็นของตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมา นักกีฬายิมนาสติกต้องประสบกับปัญหาเรื่องที่ฝึกซ้อมมาตลอด โดยเฉพาะในอดีตที่นักกีฬาต้องตระเวนฝึกซ้อมตามโรงยิมต่างๆอย่างลำบาก
แท็กที่เกี่ยวข้อง: