วันนี้ (29 ก.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก U.S. Embassy Bangkok ของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
เรากำลังจะส่งมอบวัคซีนโควิด อย่างน้อย 1.5 ล้านโดส จริง ๆ เป้าหมายคือการบริจาครวม 2.5 ล้านโดส แต่การส่งมอบล็อตแรก คือ 1.5 ล้านโดส สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเราสำคัญเสมอมาและเสมอไป
วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ แทมมี่ ดักเวิร์ธ #FriendsPartnersAllies
“We will be sending no less than 1.5 million doses of the #Covid #vaccine. In fact, the goal is 2.5 million, but the first shipment is 1.5. The strength of our bond is as important as ever.” – U.S. Senator Tammy Duckworth #FriendsPartnersAllies
ปลัดสธ.เร่งฉีดวัคซีนในต่างจังหวัดให้ครอบคลุม
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมร่วมกับผู้ช่วยผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพต่างๆ ในประเด็นการบริหารจัดการวัคซีน COVID-19 ว่า ขณะนี้ สธ.เร่งฉีดให้กับกลุ่มที่มีความเสี่ยง ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง เช่น กทม. ปริมณฑล สมุทรสาคร เพื่อควบคุมโรค
ช่วงเดือนส.ค.นี้ การฉีดวัคซีนของกทม.จะตามเป้าหมาย คือร้อยละ 50 ของประชากร และผู้สูงอายุ ร้อยละ 70 ต่อจากนี้จะเน้นการฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อให้เกิดความครอบคลุม

ปลัดสธ.กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ให้ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการ เขตสุขภาพต่างๆ สำรวจและติดตามแผนการฉีดวัคซีนของแต่ละจังหวัดในเขตสุขภาพ เพื่อให้กรมควบคุมโรคได้จัดสรรวัคซีนให้ตามคำขอ โดยกำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนใน 13 จังหวัดสีแดงเข้มให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากรเป้าหมาย
ส่วนจังหวัดอื่นๆ ครอบคลุมร้อยละ 50 โดยเน้น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ ทั้งชาวไทย และต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน รวมถึงกลุ่ม อสม.ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้แต่ละจังหวัดเป็นผู้บริหารจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชน
วัคซีนไฟเซอร์ที่กำลังเข้ามา จะกระจายไปให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ทุกจังหวัด และใน 13 จังหวัดสีแดงเข้มที่มีการแพร่ระบาด COVID-19 และจะได้ติดตามผลการฉีดวัคซีนอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
แผนกระจายวัคซีนไฟเซอร์ ล็อตแรก 1.54 ล้านโดส
สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯ บริจาคให้ไทยล็อตแรกจำนวน 1.54 ล้านโดส จะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 30 ก.ค.นี้ซึ่งจะกระจายฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย (ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี-PMOC) ดังนี้
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (เข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) จำนวน 700,000 โดส
- ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสัญชาติไทย (ผู้สูงอายุผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค อายุ 12 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป) จำนวน 645,000 โดส
- ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้เดินทางไปต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องรับวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักการทูต นักศึกษา จำนวน 150,000 โดส
- ทำการศึกษาวิจัย (ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม) จำนวน 5,000 โดส
- สำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ จำนวน 40,000 โดส
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
รองโฆษกรัฐบาลเปิดสัดส่วน วัคซีนไฟเซอร์ ใครได้บ้าง