กาตาร์-สหรัฐฯ ปิดดีลยักษ์ สายการบินสั่งซื้อโบอิงครั้งประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ เดินทางถึงกรุงโดฮาของกาตาร์ โดยมีเชค ตะมีม บิน ฮะมัด อัษษานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

กาตาร์ถือเป็นหนึ่งในหมุดหมายของการเดินทางเยือนตะวันออกกลาง 4 วันของทรัมป์ในครั้งนี้ต่อจากซาอุดีอาระเบีย โดยในระหว่างการเยือนกาตาร์ครั้งนี้ได้มีการลงนามข้อตกลงครั้งสำคัญ โดยทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สายการบิน Qatar Airways ได้ทำข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างถึง 210 ลำจากโบอิง บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติอเมริกัน ซึ่งรวมถึงเป็นเครื่องบินรุ่น 787 จำนวน 130 ลำและรุ่น 777X จำนวน 30 ลำ ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ของบริษัท GE Aerospace โดยข้อตกลงครั้งนี้มีมูลค่าสูงถึง 96,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 3 ล้านล้านบาท

ข้อมูลของทำเนียบขาวที่เปิดเผยออกมานั้นสวนทางกับที่ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงครั้งนี้มีมูลค่าสูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งครอบคลุมถึงเครื่องบินเจ็ต 160 ลำ พร้อมทั้งระบุว่านี่ถือเป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโบอิง และได้แสดงความยินดีไปถึง Kelly Ortberg ประธานกรรมการบริหารของโบอิง

ข้อตกลงดังกล่าวนับเป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างครั้งใหญ่ที่สุดของโบอิงและเป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินตระกูล 787 ครั้งใหญ่ที่สุดของทางบริษัทเท่าที่เคยมีมา ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้หุ้นของโบอิง ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลถึงคำสั่งซื้อเครื่องบินที่ค้างอยู่เป็นจำนวนมากของโบอิง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการจับตามองของทั่วโลกเกี่ยวกับประเด็นการเตรียมรับเครื่องบินโบอิง 747-8 ที่ราชวงศ์กาตาร์จะมอบให้เป็นของขวัญแก่ทรัมป์ เพื่อนำไปปรับใช้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่ง หรือ Air force one ลำใหม่ ซึ่งปัจจุบัน มูลค่าของเครื่องบินรุ่นนี้อยู่ที่ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 130,000 ล้านบาท

จนจุดชนวนคำถามเกี่ยวกับจริยธรรมรวมถึงความถูกต้อง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทุจริตใช้อำนาจโดยไม่ชอบเพื่อได้รับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้

ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ ยังใช้โอกาสระหว่างการเยือนกาตาร์ครั้งนี้กล่าวถึงข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน โดยเรียกร้องให้อิหร่านบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ และพันธมิตร โดยเขาต้องการเห็นอิหร่านเจริญรุ่งเรืองและแสดงความหวังพึ่งกาตาร์ในการช่วยปูทางไปสู่ความสำเร็จ

"ทรัมป์" พบผู้นำซีเรียเรียกร้องฟื้นสัมพันธ์อิสราเอล

ขณะที่ก่อนหน้าการเยือนกาตาร์ ทรัมป์ได้เดือนทางเยือนซาอุดีอาระเบีย พร้อมใช้โอกาสนี้พบกับ อาห์เมด อัล-ชารา ปธน.ซีเรีย ที่อดีตเป็นผู้บัญชาการกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียในเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ พร้อมเรียกร้องให้ อัล-ชารา ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิสราเอล ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ยังเปิดเผยภายหลังว่า ผู้นำซีเรียเห็นชอบสนับสนุนให้มีการฟื้นสัมพันธ์กับอิสราเอลในอนาคตด้วย

การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำซีเรียครั้งนี้ ทำให้ทรัมป์ถือเป็น ปธน.สหรัฐฯ คนแรก ในรอบ 25 ปีที่ได้พบกับผู้นำซีเรีย และยังมีขึ้นหลงัจากที่ทรัมป์ ประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรซีเรียที่บังคับใช้มายาวนาน หลังการล่มสลายของระบอบทรราชย์ของ อดีต ปธน.บาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ถูกกลุ่มแนวร่วมอิสลามโค่นล้มเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยทรัมป์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวนี้เป็นไปตามคำขอของมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย

ขณะที่ในวันนี้ผู้นำสหรัฐฯ จะปิดจบการเยือนตะวันออกกลางที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้คำมั่นตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงทศวรรษหน้า

อ่านข่าวอื่น :

สั่งย้าย "รอง ผบ.พัน" ให้ทหารขับไรเดอร์ ตั้งกรรมการสอบ

"กมธ.ป.ป.ช." เรียก 2 บริษัทชี้แจง ปมแก้แบบปล่องลิฟต์ตึก สตง.