ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จริงหรือไม่ เศรษฐกิจไทยไม่โตเพราะการเมืองไม่นิ่ง

ออกอากาศ9 ธ.ค. 67

เศรษฐกิจไทยไม่โตเพราะการเมืองไทยไม่นิ่ง จริงหรือ?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทย ไม่ค่อยแสดงสัญญาณการขยายตัวที่น่าพอใจ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า การเมืองไทย ที่ไม่มีเสถียรภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ความจริงแล้วการพิจารณาความเชื่อมโยงระหว่าง การเมือง และ เศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะร่วมกันค้นหาความจริงในประเด็นนี้ได้อย่างไร

ความหมายของ "เสถียรภาพทางการเมือง"

เมื่อเราพูดถึง "เสถียรภาพทางการเมือง" นั่นหมายถึงความมั่นคงและความต่อเนื่องของการบริหารประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงผู้นำหรือรัฐบาลเท่านั้น แต่รวมถึงนโยบายหลักที่ถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลรุ่นต่อ ๆ ไป และการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศที่ไม่บ่อยครั้งจนเกินไป

ความเสถียรภาพทางการเมืองเปรียบเสมือนเรือที่มั่นคงและสามารถนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลหรือผู้นำอาจเปลี่ยนไป แต่ทิศทางหลักในการบริหารประเทศก็ยังคงเดินหน้าอย่างสอดคล้องกัน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและประชาชน

ความสัมพันธ์ระหว่าง "เสถียรภาพทางการเมือง" และ "เศรษฐกิจ"

การศึกษาทางเศรษฐศาสตร์พบว่า ประเทศที่ขาดเสถียรภาพทางการเมืองมีโอกาสที่ GDP จะลดลงได้ถึง 1.2-1.5% เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น:

  • การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) ที่ลดลง เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจสถานการณ์
  • ตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวนสูง ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน
  • โอกาสในการเกิดการคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองจะสามารถกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและมีทิศทางชัดเจน ซึ่งจะเอื้อต่อการวางแผนและการลงทุนของภาคธุรกิจ นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน

กรณีศึกษาจากประเทศอื่น ๆ

หลายประเทศที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย เช่น จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ก็สามารถบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีได้ เนื่องจากมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ชัดเจน แม้ว่ารูปแบบการปกครองจะแตกต่างกัน

ในทางกลับกัน ประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย เช่น อิตาลี หรือแม้แต่อังกฤษ ก็มักประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เสถียรภาพทางการเมืองนั้นมีความสำคัญมากกว่ารูปแบบการปกครอง สิ่งสำคัญคือการมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาประเทศ และการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

กรณีประเทศไทย การเมืองไทยที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อมองถึงประเทศไทย จะเห็นได้ว่า แม้จะมีการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มักมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองค่อนข้างบ่อย ทั้งการยุบสภา การเปลี่ยนรัฐบาล หรือแม้แต่การเกิดรัฐประหาร ซึ่งส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจขาดความต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองก็มักจะมีลักษณะคล้ายกัน เช่น การสัญญาจะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น และกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ กลับขาดความชัดเจนว่า "ดีขึ้น" หมายถึงอะไร และจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยยังขาดเสถียรภาพทางการเมืองในหลายมิติ ทั้งความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และความชัดเจนของเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

บทสรุปการวิเคราะห์

จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจ และ การเมือง มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องของ "เสถียรภาพทางการเมือง" ที่มีผลต่อความมั่นคงและความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุน การเติบโต และความเจริญก้าวหน้าของประเทศในระยะยาว

ดังนั้น หากประเทศไทยต้องการให้ เศรษฐกิจ มีการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน จำเป็นต้องสร้างเสถียรภาพทางการเมืองควบคู่ไปด้วย ทั้งในเรื่องของความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่เหมาะสม และการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

เศรษฐกิจไทยไม่โตเพราะการเมืองไทยไม่นิ่ง จริงหรือ?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทย ไม่ค่อยแสดงสัญญาณการขยายตัวที่น่าพอใจ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า การเมืองไทย ที่ไม่มีเสถียรภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ความจริงแล้วการพิจารณาความเชื่อมโยงระหว่าง การเมือง และ เศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะร่วมกันค้นหาความจริงในประเด็นนี้ได้อย่างไร

ความหมายของ "เสถียรภาพทางการเมือง"

เมื่อเราพูดถึง "เสถียรภาพทางการเมือง" นั่นหมายถึงความมั่นคงและความต่อเนื่องของการบริหารประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงผู้นำหรือรัฐบาลเท่านั้น แต่รวมถึงนโยบายหลักที่ถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลรุ่นต่อ ๆ ไป และการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศที่ไม่บ่อยครั้งจนเกินไป

ความเสถียรภาพทางการเมืองเปรียบเสมือนเรือที่มั่นคงและสามารถนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลหรือผู้นำอาจเปลี่ยนไป แต่ทิศทางหลักในการบริหารประเทศก็ยังคงเดินหน้าอย่างสอดคล้องกัน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและประชาชน

ความสัมพันธ์ระหว่าง "เสถียรภาพทางการเมือง" และ "เศรษฐกิจ"

การศึกษาทางเศรษฐศาสตร์พบว่า ประเทศที่ขาดเสถียรภาพทางการเมืองมีโอกาสที่ GDP จะลดลงได้ถึง 1.2-1.5% เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น:

  • การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) ที่ลดลง เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจสถานการณ์
  • ตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวนสูง ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน
  • โอกาสในการเกิดการคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองจะสามารถกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและมีทิศทางชัดเจน ซึ่งจะเอื้อต่อการวางแผนและการลงทุนของภาคธุรกิจ นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน

กรณีศึกษาจากประเทศอื่น ๆ

หลายประเทศที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย เช่น จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ก็สามารถบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีได้ เนื่องจากมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ชัดเจน แม้ว่ารูปแบบการปกครองจะแตกต่างกัน

ในทางกลับกัน ประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย เช่น อิตาลี หรือแม้แต่อังกฤษ ก็มักประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เสถียรภาพทางการเมืองนั้นมีความสำคัญมากกว่ารูปแบบการปกครอง สิ่งสำคัญคือการมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาประเทศ และการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

กรณีประเทศไทย การเมืองไทยที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อมองถึงประเทศไทย จะเห็นได้ว่า แม้จะมีการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มักมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองค่อนข้างบ่อย ทั้งการยุบสภา การเปลี่ยนรัฐบาล หรือแม้แต่การเกิดรัฐประหาร ซึ่งส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจขาดความต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองก็มักจะมีลักษณะคล้ายกัน เช่น การสัญญาจะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น และกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ กลับขาดความชัดเจนว่า "ดีขึ้น" หมายถึงอะไร และจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยยังขาดเสถียรภาพทางการเมืองในหลายมิติ ทั้งความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และความชัดเจนของเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

บทสรุปการวิเคราะห์

จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจ และ การเมือง มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องของ "เสถียรภาพทางการเมือง" ที่มีผลต่อความมั่นคงและความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุน การเติบโต และความเจริญก้าวหน้าของประเทศในระยะยาว

ดังนั้น หากประเทศไทยต้องการให้ เศรษฐกิจ มีการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน จำเป็นต้องสร้างเสถียรภาพทางการเมืองควบคู่ไปด้วย ทั้งในเรื่องของความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่เหมาะสม และการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ละครดี ซีรีส์เด่น

ดูทั้งหมด

♫ ♫ Songs Popular ♫ ♫

ดูทั้งหมด

คลิปมาใหม่

คนดูเยอะ 👀

ดูทั้งหมด

เสน่ห์ประเทศไทย