:quality(75)/https://thaipbs-program.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/images/program-display-image/1/SW/gU/1SWgU6NUAvdO-default.jpg)
แคชเมียร์ จุดปะทะ 2 ชาตินิวเคลียร์เอเชียใต้
แคชเมียร์หนึ่งในจุดร้อนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พื้นที่ของการเผชิญหน้าของชาตินิวเคลียร์ในเอเชีย อย่างอินเดียและปากีสถาน รากเหง้าความขัดแย้งมีมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่สองชาติประกาศเอกราชจากอังกฤษเมื่อ 80 ปีที่แล้ว
ทั้งสองฝ่ายเคยทำสงครามใหญ่มาแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดคือปี 1999 หลังจากนั้นแม้ไม่เกิดความขัดแย้งทางอาวุธที่เรียกได้ว่าเป็นระดับของสงคราม แต่ความขัดแย้งที่ฝั่งรากลึกยังไม่ถูกถอน ความสุ่มเสี่ยงของการปะทะและการเผชิญหน้า จึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
22 เมษายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุสังหารนักท่องเที่ยว ทำให้อินเดียและปากีสถาน กลับมาสู่เส้นทางแห่งการเผชิญหน้าทางการทหารอีกครั้ง
เหตุสังหารนักท่องเที่ยว นำมาสู่เส้นทางการเผชิญหน้า
22 เมษายนที่ผ่านมา ในขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามของทุ่งหญ้าไบซารานในเมืองพาฮาลกัม (Pahalgam) หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอินเดียซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นจัมมูร์-แคชเมียร์ในประเทศอินเดีย
ปรากฎกลุ่มมือปืนในชุดลายพรางบุกเข้ามา ก่อนไล่กราดยิงผู้คนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว หลังเสียงปืนสงบลง มีผู้ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บ 17 คน และเสียชีวิต 26 คน เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากรัฐต่างๆ ของอินเดีย โดยเกือบทั้งหมดเป็นพลเรือน ความตึงเครียดและความหวาดกลัวปกคลุมทั่วเมือง ทหารอินเดียเพิ่มกำลังลาดตระเวนเข้มทั้งกลางวันกลางคืน
เป้าหมายการตอบโต้ของอินเดียเล็งไปที่เพื่อนบ้านอย่างปากีสถาน ชาติที่อินเดียระบุว่า เป็นจุดกำเนิดและฐานที่มั่นของบรรดากลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มติดอาวุธ มีประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับปากีสถานทันทีด้วยการปิดจุดข้ามพรมแดนหลักระหว่าง 2 ชาติ รวมถึงด่านวาร์กา มีการขับเจ้าหน้าที่ทางการทูต สั่งยกเลิกวีซาประเภทพิเศษกับชาวปากีสถาน พร้อมขู่ระงับสนธิสัญญาน้ำสินธุ ข้อตกลงแบ่งปันทรัพยากรน้ำที่ทำกันไว้เมื่อ 60 ปีที่แล้ว
การตอบโต้ของปากีสถาน
ปากีสถานเองก็ออกมาตอบโต้อินเดีย 24 เมษายนหรือ 2 วันหลังเกิดเหตุ เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานเรียกคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติประชุม ก่อนมีคำสั่งขับนักการทูต ระงับวีซ่าชาวอินเดียทั้งหมดรวมถึงปิดน่านฟ้าและปิดจุดผ่านพรมแดนหลักเพื่อตอบโต้สิ่งที่เรียกว่า “การเริ่มสงครามแบบไม่เข้มข้นของอินเดีย”
สถานการณ์คุกรุ่น จนกระทั่งเช้ามืดของวันที่ 7 พฤษภาคม อินเดียเปิดฉากโจมตีปากีสถานภายใต้ปฏิบัติการที่ชื่อ Operation Sindoor เข้าถล่มเป้าหมาย 9 จุดในปากีสถาน ปากีสถานระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศของอินเดียรวม 26 ราย บาดเจ็บ 46 คน หลังถูกโจมตี ปากีสถานตอบโต้กลับและมีรายงานว่า กองทัพปากีสถานยิงเครื่องบินรบอินเดียตกอย่างน้อย 2 ลำ
ขณะที่นายกปากีสถานเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงด่วนเพื่อตอบโต้ สถานการณ์ระหว่างอินเดียและปากีสถานทำให้โลกกังวล เพราะนี่คือการเผชิญหน้าของชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง และเป็น 2 ชาติที่พร้อมจะฟาดฟันซึ่งกันและกันหากข้อขัดแย้งเกี่ยวข้องกับดินแดนที่ชื่อ “แคชเมียร์”
ติดตาม รายการ FLASHPOINT จุดร้อนโลก ทุกวันพุธ เวลา 21.30 - 21.55 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมทีวีออนไลน์ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Live
:quality(75)/https://thaipbs-program.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/images/episode-display-image/1/Uc/zD/1UczDvK9BGGh-default.jpg)
แคชเมียร์หนึ่งในจุดร้อนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พื้นที่ของการเผชิญหน้าของชาตินิวเคลียร์ในเอเชีย อย่างอินเดียและปากีสถาน รากเหง้าความขัดแย้งมีมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่สองชาติประกาศเอกราชจากอังกฤษเมื่อ 80 ปีที่แล้ว
ทั้งสองฝ่ายเคยทำสงครามใหญ่มาแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดคือปี 1999 หลังจากนั้นแม้ไม่เกิดความขัดแย้งทางอาวุธที่เรียกได้ว่าเป็นระดับของสงคราม แต่ความขัดแย้งที่ฝั่งรากลึกยังไม่ถูกถอน ความสุ่มเสี่ยงของการปะทะและการเผชิญหน้า จึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
22 เมษายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุสังหารนักท่องเที่ยว ทำให้อินเดียและปากีสถาน กลับมาสู่เส้นทางแห่งการเผชิญหน้าทางการทหารอีกครั้ง
เหตุสังหารนักท่องเที่ยว นำมาสู่เส้นทางการเผชิญหน้า
22 เมษายนที่ผ่านมา ในขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามของทุ่งหญ้าไบซารานในเมืองพาฮาลกัม (Pahalgam) หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอินเดียซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นจัมมูร์-แคชเมียร์ในประเทศอินเดีย
ปรากฎกลุ่มมือปืนในชุดลายพรางบุกเข้ามา ก่อนไล่กราดยิงผู้คนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว หลังเสียงปืนสงบลง มีผู้ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บ 17 คน และเสียชีวิต 26 คน เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากรัฐต่างๆ ของอินเดีย โดยเกือบทั้งหมดเป็นพลเรือน ความตึงเครียดและความหวาดกลัวปกคลุมทั่วเมือง ทหารอินเดียเพิ่มกำลังลาดตระเวนเข้มทั้งกลางวันกลางคืน
เป้าหมายการตอบโต้ของอินเดียเล็งไปที่เพื่อนบ้านอย่างปากีสถาน ชาติที่อินเดียระบุว่า เป็นจุดกำเนิดและฐานที่มั่นของบรรดากลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มติดอาวุธ มีประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับปากีสถานทันทีด้วยการปิดจุดข้ามพรมแดนหลักระหว่าง 2 ชาติ รวมถึงด่านวาร์กา มีการขับเจ้าหน้าที่ทางการทูต สั่งยกเลิกวีซาประเภทพิเศษกับชาวปากีสถาน พร้อมขู่ระงับสนธิสัญญาน้ำสินธุ ข้อตกลงแบ่งปันทรัพยากรน้ำที่ทำกันไว้เมื่อ 60 ปีที่แล้ว
การตอบโต้ของปากีสถาน
ปากีสถานเองก็ออกมาตอบโต้อินเดีย 24 เมษายนหรือ 2 วันหลังเกิดเหตุ เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานเรียกคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติประชุม ก่อนมีคำสั่งขับนักการทูต ระงับวีซ่าชาวอินเดียทั้งหมดรวมถึงปิดน่านฟ้าและปิดจุดผ่านพรมแดนหลักเพื่อตอบโต้สิ่งที่เรียกว่า “การเริ่มสงครามแบบไม่เข้มข้นของอินเดีย”
สถานการณ์คุกรุ่น จนกระทั่งเช้ามืดของวันที่ 7 พฤษภาคม อินเดียเปิดฉากโจมตีปากีสถานภายใต้ปฏิบัติการที่ชื่อ Operation Sindoor เข้าถล่มเป้าหมาย 9 จุดในปากีสถาน ปากีสถานระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศของอินเดียรวม 26 ราย บาดเจ็บ 46 คน หลังถูกโจมตี ปากีสถานตอบโต้กลับและมีรายงานว่า กองทัพปากีสถานยิงเครื่องบินรบอินเดียตกอย่างน้อย 2 ลำ
ขณะที่นายกปากีสถานเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงด่วนเพื่อตอบโต้ สถานการณ์ระหว่างอินเดียและปากีสถานทำให้โลกกังวล เพราะนี่คือการเผชิญหน้าของชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง และเป็น 2 ชาติที่พร้อมจะฟาดฟันซึ่งกันและกันหากข้อขัดแย้งเกี่ยวข้องกับดินแดนที่ชื่อ “แคชเมียร์”
ติดตาม รายการ FLASHPOINT จุดร้อนโลก ทุกวันพุธ เวลา 21.30 - 21.55 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมทีวีออนไลน์ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Live
