:quality(75)/https://thaipbs-program.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/images/program/1/Iv/bB/1IvbBvvw3TJN-default.jpg)
ตามไปดูให้รู้ที่โรงเรียนมัธยมในประเทศญี่ปุ่น ที่นำ Tablet มาใช้ในการเรียนการสอน ทำให้ครูได้เห็นพัฒนาการของเด็กได้ไม่ยาก ที่โรงเรียนนี้จึงพยายามทำให้ข้อดีข้อนี้กลายเป็นจุดแข็งในการพัฒนาเด็ก ด้วยการเรียนการสอนที่ทำให้ครูและนักเรียนสื่อสารตัวอักษรกันบนโปรแกรมเดียวกัน ครูสามารถเห็นสิ่งที่นักเรียนเขียน และนักเรียนก็สามารถบันทึกสิ่งที่ครูสอนได้จากกระดานของครูโดยตรง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลกับการจดบทเรียนของคุณครู และสามารถจดบันทึกสิ่งที่ตัวเองต้องการลงไปได้ตลอดเวลา
การเรียนการสอนแบบนี้ทำให้ครูสามารถพัฒนาเด็กได้เร็วกว่าเดิม แก้ไขข้อบกพร่องของเด็กได้ในทันที โรงเรียนนี้เริ่มใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการเรียนลักษณะนี้ เมื่อปี 2010 แต่ในขณะนั้นโปรแกรมที่ใช้ยังไม่ค่อยดี จนเมื่อปี 2014 จึงพัฒนามาเป็นรูปลักษณ์แบบนี้ และมีโปรแกรมการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ
โดยเด็กจะต่ออินเตอร์เน็ตได้ต่อเมื่อคุณครูอนุญาต และห้ามไม่ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมอื่นใด นอกเหนือจากการเรียน ซึ่งเด็ก ๆ ก็ไม่ได้ละเมิดกฎเหล่านี้ เพราะทางโรงเรียนพยายามสร้างเป้าหมายในการเรียนให้เด็กมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึง มากกว่าการใช้เครื่องมือไปในทางที่ผิด
ติดตามได้ในดูให้รู้ ตอน ไฮเทคในห้องเรียน (ฉบับญี่ปุ่น) วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2561 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส และติดตามความเคลื่อนไหวของรายการได้ที่ www.facebook.com/Dohiru
:quality(75)/https://thaipbs-program.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/images/episode/1/Gn/w6/1Gnw6KHuIO8v-default.jpg)
ตามไปดูให้รู้ที่โรงเรียนมัธยมในประเทศญี่ปุ่น ที่นำ Tablet มาใช้ในการเรียนการสอน ทำให้ครูได้เห็นพัฒนาการของเด็กได้ไม่ยาก ที่โรงเรียนนี้จึงพยายามทำให้ข้อดีข้อนี้กลายเป็นจุดแข็งในการพัฒนาเด็ก ด้วยการเรียนการสอนที่ทำให้ครูและนักเรียนสื่อสารตัวอักษรกันบนโปรแกรมเดียวกัน ครูสามารถเห็นสิ่งที่นักเรียนเขียน และนักเรียนก็สามารถบันทึกสิ่งที่ครูสอนได้จากกระดานของครูโดยตรง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลกับการจดบทเรียนของคุณครู และสามารถจดบันทึกสิ่งที่ตัวเองต้องการลงไปได้ตลอดเวลา
การเรียนการสอนแบบนี้ทำให้ครูสามารถพัฒนาเด็กได้เร็วกว่าเดิม แก้ไขข้อบกพร่องของเด็กได้ในทันที โรงเรียนนี้เริ่มใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการเรียนลักษณะนี้ เมื่อปี 2010 แต่ในขณะนั้นโปรแกรมที่ใช้ยังไม่ค่อยดี จนเมื่อปี 2014 จึงพัฒนามาเป็นรูปลักษณ์แบบนี้ และมีโปรแกรมการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ
โดยเด็กจะต่ออินเตอร์เน็ตได้ต่อเมื่อคุณครูอนุญาต และห้ามไม่ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมอื่นใด นอกเหนือจากการเรียน ซึ่งเด็ก ๆ ก็ไม่ได้ละเมิดกฎเหล่านี้ เพราะทางโรงเรียนพยายามสร้างเป้าหมายในการเรียนให้เด็กมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึง มากกว่าการใช้เครื่องมือไปในทางที่ผิด
ติดตามได้ในดูให้รู้ ตอน ไฮเทคในห้องเรียน (ฉบับญี่ปุ่น) วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2561 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส และติดตามความเคลื่อนไหวของรายการได้ที่ www.facebook.com/Dohiru
