“ทหารเมียนมาประชิดพรมแดนทุกด้าน KNU ไม่มีทางอื่น นอกจากปกป้องแผ่นดิน”
นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม กองทัพเมียนมาเปิดฉากโจมตีทางอากาศหมู่บ้านกะเหรี่ยง เขตผ่าป่น (Papun) ริมแม่น้ำสาละวิน ต่อเนื่องจนถึงเมื่อวันจันทร์ (29 มี.ค. 64)
Irrawaddy รายงานว่า การโจมตีทางอากาศเมื่อวานนี้ มีชาวกะเหรี่ยงได้รับบาดเจ็บ 7 คน ได้รับการช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บลงเรือข้ามแม่น้ำสาละวิน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในประเทศไทย
พื้นที่เป้าหมายโจมตีทางอากาศ เป็นที่ตั้งของค่ายผู้อพยพพลัดถิ่นภายในประเทศ (Internal Displaced Person) ที่อพยพหนีภัยทหารเมียนมาในส่วนอื่นของรัฐกะเหรี่ยง เมื่อปี 2549
ค่ายที่ตั้งริมแม่น้ำสาละวินแห่งนี้ ชื่อว่า Ei Tu Hta อยู่ในพื้นที่อิทธิพลขององค์กรนำทางการเมืองของชาติพันธ์กะเหรี่ยงชื่อ สหพันธกะเหรี่ยงแห่งชาติหรือ KNU ซึ่งมีอิทธิพลทางการเมืองและการทหารในรัฐกะเหรี่ยง พรมแดนภาคตะวันออกของเมียนมา
การโจมตีทิ้งระเบิดหลายระลอก เป็นมาตรการตอบโต้ของกองทัพเมียนมา ภายหลังค่ายทหารแห่งหนึ่งในเขตผ่าป่น ถูกกองกำลังของกองพลที่ 5 ของกองทัพปลดปล่อยกะเหรี่ยงแห่งชาติ หรือ KNLA โจมตียึดฐานได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น KNLA ยังประกาศขัดขวางความพยายามลำเลียงเสบียงสนับสนุนกองทหารในรัฐกะเหรี่ยง โดยประกาศ ไม่รับรองความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น
ข้าวสาร 700 กระสอบ และยุทธปัจจัยอื่นอีกหลายรายการที่ถูกลำเลียงมากองริมแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน รอขนข้ามแม่น้ำเข้าพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง จึงขนส่งกลับตามเส้นทางเดิม ไปที่จังหวัดเมียวดี เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า KNU ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (30 มี.ค. 64) ประกาศพร้อมรับมือการโจมตีจากกองทัพเมียนมา
“ตอนนี้ทหารเมียนมาหลายพันนาย เคลื่อนประชิดพรมแดนรัฐกะเหรี่ยงทุกด้าน KNU ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเผชิญหน้ากับการคุกคามของกองทัพที่ขาดความชอบธรรมทางกฎหมาย เพื่อปกป้องอธิปไตยรัฐกะเหรี่ยง” แถลงการณ์ KNU
องค์กรนำทางการเมืองของชาติพันธ์กะเหรี่ยงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและประชาคมโลก ให้ความช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงที่อพยพหนีภัยข้ามแม่น้ำสาละวินเข้าประเทศไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมโลกตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อหยุดยั้งความรุนแรง ที่กระทำกับประชาชน
โฆษกสำนักงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ แถลงว่า สำนักงานได้ขอข้อมูลข้อเท็จจริงจากรัฐบาลไทยกรณีที่มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่ชายแดนไทย ผลักดันผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงจำนวนหนึ่งกลับประเทศเมียนมา
กรณีนี้รัฐบาลไทยได้แถลงปฏิเสธว่า ไม่เคยปิดกั้น กดดันชาวกะเหรี่ยงหนีภัยการโจมตีจากกองทัพเมียนมา ให้กลับภูมิลำเนาในเมียนมา
Irrawaddy รายงานเหตุการณ์ นำชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับบาดเจ็บจากระเบิดกองทัพเมียนมา ส่งโรงพยาบาลในประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม มีภาพถ่ายขณะลำเลียงผู้บาดเจ็บขึ้นจากเรือที่ฝั่งสาละวิน ในพรมแดนไทย มีทหารพราน รอให้ความช่วยเหลืออยู่ด้วย
“ทหารเมียนมาประชิดพรมแดนทุกด้าน KNU ไม่มีทางอื่น นอกจากปกป้องแผ่นดิน”
นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม กองทัพเมียนมาเปิดฉากโจมตีทางอากาศหมู่บ้านกะเหรี่ยง เขตผ่าป่น (Papun) ริมแม่น้ำสาละวิน ต่อเนื่องจนถึงเมื่อวันจันทร์ (29 มี.ค. 64)
Irrawaddy รายงานว่า การโจมตีทางอากาศเมื่อวานนี้ มีชาวกะเหรี่ยงได้รับบาดเจ็บ 7 คน ได้รับการช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บลงเรือข้ามแม่น้ำสาละวิน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในประเทศไทย
พื้นที่เป้าหมายโจมตีทางอากาศ เป็นที่ตั้งของค่ายผู้อพยพพลัดถิ่นภายในประเทศ (Internal Displaced Person) ที่อพยพหนีภัยทหารเมียนมาในส่วนอื่นของรัฐกะเหรี่ยง เมื่อปี 2549
ค่ายที่ตั้งริมแม่น้ำสาละวินแห่งนี้ ชื่อว่า Ei Tu Hta อยู่ในพื้นที่อิทธิพลขององค์กรนำทางการเมืองของชาติพันธ์กะเหรี่ยงชื่อ สหพันธกะเหรี่ยงแห่งชาติหรือ KNU ซึ่งมีอิทธิพลทางการเมืองและการทหารในรัฐกะเหรี่ยง พรมแดนภาคตะวันออกของเมียนมา
การโจมตีทิ้งระเบิดหลายระลอก เป็นมาตรการตอบโต้ของกองทัพเมียนมา ภายหลังค่ายทหารแห่งหนึ่งในเขตผ่าป่น ถูกกองกำลังของกองพลที่ 5 ของกองทัพปลดปล่อยกะเหรี่ยงแห่งชาติ หรือ KNLA โจมตียึดฐานได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น KNLA ยังประกาศขัดขวางความพยายามลำเลียงเสบียงสนับสนุนกองทหารในรัฐกะเหรี่ยง โดยประกาศ ไม่รับรองความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น
ข้าวสาร 700 กระสอบ และยุทธปัจจัยอื่นอีกหลายรายการที่ถูกลำเลียงมากองริมแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน รอขนข้ามแม่น้ำเข้าพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง จึงขนส่งกลับตามเส้นทางเดิม ไปที่จังหวัดเมียวดี เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า KNU ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (30 มี.ค. 64) ประกาศพร้อมรับมือการโจมตีจากกองทัพเมียนมา
“ตอนนี้ทหารเมียนมาหลายพันนาย เคลื่อนประชิดพรมแดนรัฐกะเหรี่ยงทุกด้าน KNU ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเผชิญหน้ากับการคุกคามของกองทัพที่ขาดความชอบธรรมทางกฎหมาย เพื่อปกป้องอธิปไตยรัฐกะเหรี่ยง” แถลงการณ์ KNU
องค์กรนำทางการเมืองของชาติพันธ์กะเหรี่ยงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและประชาคมโลก ให้ความช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงที่อพยพหนีภัยข้ามแม่น้ำสาละวินเข้าประเทศไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมโลกตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อหยุดยั้งความรุนแรง ที่กระทำกับประชาชน
โฆษกสำนักงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ แถลงว่า สำนักงานได้ขอข้อมูลข้อเท็จจริงจากรัฐบาลไทยกรณีที่มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่ชายแดนไทย ผลักดันผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงจำนวนหนึ่งกลับประเทศเมียนมา
กรณีนี้รัฐบาลไทยได้แถลงปฏิเสธว่า ไม่เคยปิดกั้น กดดันชาวกะเหรี่ยงหนีภัยการโจมตีจากกองทัพเมียนมา ให้กลับภูมิลำเนาในเมียนมา
Irrawaddy รายงานเหตุการณ์ นำชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับบาดเจ็บจากระเบิดกองทัพเมียนมา ส่งโรงพยาบาลในประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม มีภาพถ่ายขณะลำเลียงผู้บาดเจ็บขึ้นจากเรือที่ฝั่งสาละวิน ในพรมแดนไทย มีทหารพราน รอให้ความช่วยเหลืออยู่ด้วย