ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

​มัมมี่นกแก้ว หลายร้อยไมล์สู่ทะเลทรายอาตากามา

ออกอากาศ1 เม.ย. 64

มัมมี่นกแก้ว หลายร้อยไมล์สู่ทะเลทรายอาตากามา

ในยามที่นักโบราณคดีขุดค้นอารยธรรมยุคโบราณ สุสานของชนชั้นสูงในอดีตเป็นสถานที่ชั้นยอดในการทำความเข้าใจถึงคุณค่า หรือสิ่งพวกเขาหวงแหนเมื่อยามมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ไปจนถึงอัญมณี หรือแม้แต่กระทั่งสัตว์เลี้ยง ซึ่งมักถูกฝังเคียงข้างผู้วายชนม์ที่มั่งคั่ง

สำหรับอียิปต์โบราณ คงหรือไม่พ้นมัมมี่แมว หรือสุนัข แต่ช่วง ค.ศ.1100-1450 ที่ทะเลทรายอาตากามาในทวีปอเมริกาใต้กลับพบนกแก้วมัมมี่ ที่อยู่ห่างจากแหล่งที่อยู่ดั้งเดิมของมันราว 300 ไมล์

อ้างอิงจากการรายงานของซีเอ็นเอ็น ทีมนักค้นคว้าที่ทำงานในพื้นที่ทางตอนเหนือของชิลีเผยว่า คนในยุคนั้นขนส่งนกหายากด้วยระยะทางนับร้อยไมล์ ข้ามเทือกเขาแอนดีส ก่อนจะจับมันทำเป็นมัมมี่

ที่ต้องขนส่งกันมาไกลกันขนาดนี้ เพราะนกแก้วและนกมาคอว์ไม่ใช่สัตว์ท้องถิ่นทะเลทรายอาตากามา ซึ่งเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลก แต่กลับสามารถขุดค้นพบขนนก และมัมมี่นกในสถานที่ขุดค้นทางโบราณสถานในพื้นที่บริเวณนั้นได้ อ้างอิงจากข่าวเผยแพร่ของมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 มี.ค.)

โดยมีการพบนกแก้วจำนวนมากถูกทำเป็นมัมมี่หลังตาย บางตัวอ้าจะงอยปากและยื่นลิ้นออกมา บางตัวกางปีกสยายราวกับกำลังโบยบิน

"มันตีความยาก" ผู้ร่วมค้นคว้า โฮเซ เอ็ม กาปริเลส (José M. Capriles) ศาสตราจารย์ผู้ช่วยสาขามานุษยวิทยาที่เพนน์ สเตตให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น คาดเดาว่าวิธีการทำเป็นมัมมี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของพิธีธรรมที่เชื่อมโยงกับความสามารถของนกแก้ว ที่สามารถเลียนเสียงของมนุษย์ก็ได้

นักค้นคว้าเดินทางไปเยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์ทั่วชิลีตอนเหนือเป็นเวลาเกือบสามปี เพื่อศึกษานกแก้วและซากนกมาคอร์ที่พบในภูมิภาคนี้ ฟากนักวิทยาศาสตร์ใช้การวิเคราะห์ซากสัตว์จากแหล่งโบราณคดี (Zooarchaeological analysis) เทคนิคไอโซโทป การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี (Radiocarbon dating) และการทดสอบ DNA โบราณเพื่อสร้างภาพของนกตอนยังมีชีวิต

ซึ่งทำให้ทีมค้นคว้าพบว่านกเหล่านั้นถูกนำไปยังทะเลทรายอาตากามาแอมะซอน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 ไมล์ระหว่างปี ค.ศ. 1100 ถึง 1450

กาปริเลสระบุว่า ช่วงยุคสมัยนั้นเป็นยุคที่การพาณิชย์เฟื่องฟู คาราวานลามาจำนวนมากเคลื่อนย้ายขนส่งไปมาจากสถานที่ต่าง ๆ ตามแนวเทือกเขาแอนดีส

"ข้อเท็จจริงที่ว่า นกเป็น ๆ ถูกขนส่งข้ามเทือกเขาแอนดีสที่มีความสูงกว่า 10,000 ฟุต เป็นอะไรที่สุดยอดมาก” กาปริเลสกล่าว "พวกมันต้องถูกขนส่งข้ามที่ราบขนาดใหญ่ อากาศที่หนาวเย็น ภูมิประเทศที่โหดร้ายของทะเลทรายอาตากามา แล้วตอนขนส่งต้องดูแลให้มันยังคงมีชีวิตอยู่ด้วย”

พวกนกมาถึงที่นี่ก่อนจักรวรรดิอินคา และการยึดครองอาณานิคมในภูมิภาคโดยสเปน ซึ่งมีการนำเข้าม้ามาสู่อเมริกาใต้เป็นครั้งแรก

“ตัวลามาไม่ใช่สัตว์บรรทุกสินค้าชั้นยอด เพราะมันไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น” กาปริเลสเผยระบุในเอกสารข่าวที่เผยแพร่ออกมา

"ข้อเท็จจริงที่ว่าคาราวานลามานำนกมาคอว์ และนกแก้วข้ามเทือกเขาแอนดีส และฝ่าทะเลทรายมาถึงโอเอซิสที่นี่ได้มันมหัศจรรย์มาก”

เมื่อนกมาถึงทะเลทรายอาตากามา พวกมันถูกเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยง แต่บางครั้งก็ถูกจับถอนขนเป็นเครื่องประดับผม เพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งและอำนาจ

.พวกนกถูกเลี้ยงด้วยอาหารเช่นเดียวกับเจ้าของมันกิน ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันกับมนุษย์ค่อนข้างซับซ้อน มุมมองของสัตว์เลี้ยงในอดีตแตกต่างออกไป “นกบางตัวไม่ได้ใช้ชีวิตสบาย พวกมันถูกเก็บเอาไว้ผลิตขนนก ซึ่งจะถูกทันทีที่งอกออกมา”

คำถามมากมายที่มีเกี่ยวกับเหล่านก รวมถึงการใช้สอยประโยชน์พวกมันในอดีตยังคงอยู่ กาปริเลสวางแผนว่าจะเดินหน้าค้นคว้าในภูมิภาคนี้ต่อไป เพื่อไขปริศนายุคโบราณ

หมายเหตุ บทความนี้ตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ Proceedings of the National Academy of Sciences

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

มัมมี่นกแก้ว หลายร้อยไมล์สู่ทะเลทรายอาตากามา

ในยามที่นักโบราณคดีขุดค้นอารยธรรมยุคโบราณ สุสานของชนชั้นสูงในอดีตเป็นสถานที่ชั้นยอดในการทำความเข้าใจถึงคุณค่า หรือสิ่งพวกเขาหวงแหนเมื่อยามมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ไปจนถึงอัญมณี หรือแม้แต่กระทั่งสัตว์เลี้ยง ซึ่งมักถูกฝังเคียงข้างผู้วายชนม์ที่มั่งคั่ง

สำหรับอียิปต์โบราณ คงหรือไม่พ้นมัมมี่แมว หรือสุนัข แต่ช่วง ค.ศ.1100-1450 ที่ทะเลทรายอาตากามาในทวีปอเมริกาใต้กลับพบนกแก้วมัมมี่ ที่อยู่ห่างจากแหล่งที่อยู่ดั้งเดิมของมันราว 300 ไมล์

อ้างอิงจากการรายงานของซีเอ็นเอ็น ทีมนักค้นคว้าที่ทำงานในพื้นที่ทางตอนเหนือของชิลีเผยว่า คนในยุคนั้นขนส่งนกหายากด้วยระยะทางนับร้อยไมล์ ข้ามเทือกเขาแอนดีส ก่อนจะจับมันทำเป็นมัมมี่

ที่ต้องขนส่งกันมาไกลกันขนาดนี้ เพราะนกแก้วและนกมาคอว์ไม่ใช่สัตว์ท้องถิ่นทะเลทรายอาตากามา ซึ่งเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลก แต่กลับสามารถขุดค้นพบขนนก และมัมมี่นกในสถานที่ขุดค้นทางโบราณสถานในพื้นที่บริเวณนั้นได้ อ้างอิงจากข่าวเผยแพร่ของมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 มี.ค.)

โดยมีการพบนกแก้วจำนวนมากถูกทำเป็นมัมมี่หลังตาย บางตัวอ้าจะงอยปากและยื่นลิ้นออกมา บางตัวกางปีกสยายราวกับกำลังโบยบิน

"มันตีความยาก" ผู้ร่วมค้นคว้า โฮเซ เอ็ม กาปริเลส (José M. Capriles) ศาสตราจารย์ผู้ช่วยสาขามานุษยวิทยาที่เพนน์ สเตตให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น คาดเดาว่าวิธีการทำเป็นมัมมี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของพิธีธรรมที่เชื่อมโยงกับความสามารถของนกแก้ว ที่สามารถเลียนเสียงของมนุษย์ก็ได้

นักค้นคว้าเดินทางไปเยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์ทั่วชิลีตอนเหนือเป็นเวลาเกือบสามปี เพื่อศึกษานกแก้วและซากนกมาคอร์ที่พบในภูมิภาคนี้ ฟากนักวิทยาศาสตร์ใช้การวิเคราะห์ซากสัตว์จากแหล่งโบราณคดี (Zooarchaeological analysis) เทคนิคไอโซโทป การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี (Radiocarbon dating) และการทดสอบ DNA โบราณเพื่อสร้างภาพของนกตอนยังมีชีวิต

ซึ่งทำให้ทีมค้นคว้าพบว่านกเหล่านั้นถูกนำไปยังทะเลทรายอาตากามาแอมะซอน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 ไมล์ระหว่างปี ค.ศ. 1100 ถึง 1450

กาปริเลสระบุว่า ช่วงยุคสมัยนั้นเป็นยุคที่การพาณิชย์เฟื่องฟู คาราวานลามาจำนวนมากเคลื่อนย้ายขนส่งไปมาจากสถานที่ต่าง ๆ ตามแนวเทือกเขาแอนดีส

"ข้อเท็จจริงที่ว่า นกเป็น ๆ ถูกขนส่งข้ามเทือกเขาแอนดีสที่มีความสูงกว่า 10,000 ฟุต เป็นอะไรที่สุดยอดมาก” กาปริเลสกล่าว "พวกมันต้องถูกขนส่งข้ามที่ราบขนาดใหญ่ อากาศที่หนาวเย็น ภูมิประเทศที่โหดร้ายของทะเลทรายอาตากามา แล้วตอนขนส่งต้องดูแลให้มันยังคงมีชีวิตอยู่ด้วย”

พวกนกมาถึงที่นี่ก่อนจักรวรรดิอินคา และการยึดครองอาณานิคมในภูมิภาคโดยสเปน ซึ่งมีการนำเข้าม้ามาสู่อเมริกาใต้เป็นครั้งแรก

“ตัวลามาไม่ใช่สัตว์บรรทุกสินค้าชั้นยอด เพราะมันไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น” กาปริเลสเผยระบุในเอกสารข่าวที่เผยแพร่ออกมา

"ข้อเท็จจริงที่ว่าคาราวานลามานำนกมาคอว์ และนกแก้วข้ามเทือกเขาแอนดีส และฝ่าทะเลทรายมาถึงโอเอซิสที่นี่ได้มันมหัศจรรย์มาก”

เมื่อนกมาถึงทะเลทรายอาตากามา พวกมันถูกเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยง แต่บางครั้งก็ถูกจับถอนขนเป็นเครื่องประดับผม เพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งและอำนาจ

.พวกนกถูกเลี้ยงด้วยอาหารเช่นเดียวกับเจ้าของมันกิน ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันกับมนุษย์ค่อนข้างซับซ้อน มุมมองของสัตว์เลี้ยงในอดีตแตกต่างออกไป “นกบางตัวไม่ได้ใช้ชีวิตสบาย พวกมันถูกเก็บเอาไว้ผลิตขนนก ซึ่งจะถูกทันทีที่งอกออกมา”

คำถามมากมายที่มีเกี่ยวกับเหล่านก รวมถึงการใช้สอยประโยชน์พวกมันในอดีตยังคงอยู่ กาปริเลสวางแผนว่าจะเดินหน้าค้นคว้าในภูมิภาคนี้ต่อไป เพื่อไขปริศนายุคโบราณ

หมายเหตุ บทความนี้ตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ Proceedings of the National Academy of Sciences

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ละครดี ซีรีส์เด่น

ดูทั้งหมด

♫ ♫ Songs Popular ♫ ♫

ดูทั้งหมด

คลิปมาใหม่

คนดูเยอะ 👀

ดูทั้งหมด

เสน่ห์ประเทศไทย