รัสเซียเปิดฉากโจมตีกรุงเคียฟระลอกใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน ถือเป็นการโจมตีกรุงเคียฟครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 9 เดือนและใหญ่ที่สุดของปีนี้ เหตุโจมตีดังกล่าวทำให้ผู้นำยูเครนลดกำหนดการเยือนต่างประเทศและเดินทางกลับยูเครนทันที
สมรภูมิสงครามรัสเซีย-ยูเครน กลับมาดุเดือดอีกครั้ง หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตียูเครนครั้งใหญ่ในเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 34 คน บาดเจ็บ 117 คน ท่ามกลางเสียงประณามจากหลายชาติ ขณะที่ "เซเลนสกี" เรียกร้องนานาชาติให้ร่วมกันกดดันรัสเซีย
วลาดิเมียร์ ปูติน อาจไม่ได้มองสันติภาพในยูเครน แต่ตั้งเป้าพลิกโฉมระเบียบโลกให้รัสเซียเป็นผู้นำสูงสุด แม้ต้องขัดแย้งกับยูเครนและชาติตะวันตก ขณะที่ ทรัมป์ หวังสงครามจบเร็วโดยไม่สนใจอะไร ผู้เชี่ยวชาญเตือนนี่อาจเป็นโอกาสให้ปูตินก้าวสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า
ผู้แทนจากสหรัฐฯ เดินทางถึงรัสเซียเพื่อเดินหน้าเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน หลังยูเครนยอมรับข้อเสนอ ขณะที่ที่ปรึกษาผู้นำรัสเซีย มองว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่เป็นผลดีแก่รัสเซีย ด้านปูตินเห็นด้วยแต่ต้องการการรับประกันว่าจะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
รัสเซียยืนยันแล้วว่ากำลังรอข้อมูลจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน ที่ทั้ง 2 ประเทศได้ประชุมกัน ขณะเดียวกันตอนนี้ตลาดการค้าโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมกำลังร้อนๆ หนาวๆ หลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลก 25%
นาทีแสงสว่างวาบไปทั่วทั้งท้องฟ้าเหนือกรุงเคียฟ พร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นหลายต่อหลายครั้ง หลังจากรัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธอย่างน้อย 70 ลูก โดรนอีกไม่ต่ำกว่า 145 ลำ ช่วงกลางดึกถึงเช้ามืดวันพฤหัสบดี (24 เม.ย. 68) ตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นการโจมตีใส่กรุงเคียฟครั้งใหญ่ที่สุดของปีนี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตในกรุงเคียฟเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 12 คน มีผู้บาดเจ็บอีก 90 คน และอาจพบผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเพิ่มอีกจากใต้ซากปรักหักพัง ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หันกลับมาวิจารณ์วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียอีกครั้ง โดยระบุว่า ตนไม่พอใจที่รัสเซียโจมตีใส่กรุงเคียฟโดยไม่จำเป็นและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และบอกกับปูตินให้หยุดได้แล้ว เพราะทุก ๆ สัปดาห์มีทหารสูญเสียชีวิตถึง 5,000 นาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ปูตินมาทำข้อตกลงสันติภาพกับสหรัฐฯ
ยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง เป็นหนึ่งในนโยบายต่างประเทศสำคัญของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แต่ผ่านมามากกว่า 2 เดือน กับการเดินเกมทางการทูตของสหรัฐฯ ด้วยการเดินสายคุยกับคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย กลับไม่ได้ผลลัพธ์อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ทำให้ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ จะเลิกพยายามช่วยยุติสงครามในยูเครน ถ้ารัสเซียหรือยูเครนยังเอาแต่ขัดขวางความพยายามดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐฯ และยูเครนจะสามารถบรรลุข้อตกลง เรื่องการขุดเจาะแร่ธาตุ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการลงนามภายในสัปดาห์นี้ แต่ถ้ารัสเซียยอมให้ผลประโยชน์อะไรบางให้กับสหรัฐฯ เช่นกัน เช่น แร่ธาตุในดินแดนยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่ สหรัฐฯ จะเทไปทางไหน ซึ่งคำตอบก็คงเดากันได้ไม่ยากนัก
วันนี้ (19 เม.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์สื่อว่า สหรัฐฯ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเจรจาระหว่าง #รัสเซีย และ #ยูเครน อีก หากทั้ง 2 ฝ่ายทำให้การบรรลุข้อตกลงสันติภาพเป็นเรื่องยาก ขณะที่ล่าสุดรัสเซียยังเดินหน้าโจมตีหลายพื้นที่ของยูเครน
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์สื่อบนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน ระหว่างเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยยอมรับว่า การโจมตียูเครนของรัสเซียเป็นเรื่องที่เลวร้าย พร้อมทั้งระบุว่าได้รับแจ้งว่ารัสเซียทำพลาด แต่ผู้นำสหรัฐอเมริกาไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่กล่าวถึง
รัสเซียยิงโดรนโจมตียูเครน 147 ลำในชั่วข้ามคืน พุ่งเป้าโจมตีหลายพื้นที่ของประเทศ โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศทำลายโดรนไปได้ 97 ลำ และอีก 25 ลำ ถูกสกัดไม่ให้โจมตีเป้าหมาย ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตในกรุงเคียฟอย่างน้อย 3 คน ในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 5 ขวบรวมอยู่ด้วย
“ทรัมป์” ยกหูหารือ “ปูติน” ปมสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อนานกว่า 3 ปี เปิดอกคุยครั้งนี้ ถกเงื่อนไขหยุดยิง 30 วัน นำไปสู่สันติภาพถาวร หรือ แบ่งสรรทรัพย์สินดินแดน ในยูเครน ด้านเซเลนสกีไม่เชื่อปูติน มองรัสเซียแค่เล่นเกมยื้อเวลา ทรัมป์ปิดดีลปูตินได้จริงไหม ติดตาม กับ “เช้านี้ ที่ทันโลก”
ทรัมป์เผยว่าการหารือสันติภาพจะเกี่ยวข้องกับ “ดินแดนและโรงไฟฟ้า” รวมถึงการจัดสรรทรัพย์สินบางอย่าง การยกหูหารือของประธานาธิบดีสหรัฐกับรัสเซียครั้งนี้ สร้างความกังวลต่อชาติพันธมิตรยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อ โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนจะต้องเตรียมตั้งรับอย่างไร
เจ้าหน้าที่หน่วยรับมือเหตุฉุกเฉินยูเครนเข้าฉีดน้ำดับเพลิงและควบคุมสถานการณ์ภายในเมืองแห่งหนึ่งในภูมิภาคโดเนตสค์ ทางตะวันออกของประเทศ หลังพื้นที่ดังกล่าวตกเป็นเป้าโจมตีทางอากาศด้วยโดรน ขีปนาวุธและจรวดหลายลูกของรัสเซีย กระทรวงมหาดไทยยูเครน เปิดเผยว่า การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 11 คน และบาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 30 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 5 คน
วันนี้ (6 มี.ค. 68) สหรัฐฯ เดินหน้ากดดันยูเครนต่อเนื่อง เพื่อให้ยอมรับการเจรจาสันติภาพ ล่าสุดสั่งระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองให้แก่ยูเครนแล้ว หลังระงับการส่งความช่วยทางทหารไปก่อนหน้านี้ การสั่งระงับข้อมูลข่าวกรองให้ยูเครน น่าจะกระทบต่อความสามารถในการต่อสู้ของยูเครนอย่างหนัก ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทรัมป์ที่หันมาใช้วิธีเด็ดขาดกับชาติพันธมิตร หลังเปลี่ยนจุดยืนและเริ่มหันไปปรองดองกับรัสเซียแทน เพิ่มแรงกดดันให้ยูเครนยอมเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วย
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกจับตาไปที่สมรภูมิการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน และมองว่ายูเครนกำลังเผชิญกับเรื่องยากอีกครั้ง หลังเกิดการปะทะคารมอย่างดุเดือดกับผู้นำสหรัฐฯ จนนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ต่อมา โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปและแคนาดา ในประเด็นความมั่นคงและการสนับสนุนยูเครน ซึ่งมี เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เป็นเจ้าภาพ ซึ่งผู้นำอังกฤษ เปิดเผยว่า บรรดาผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้เห็นพ้องต้องกันถึงแผน 4 ขั้น เพื่อรับประกันสันติภาพและปกป้องยูเครน