วันนี้ (30 ส.ค.2560) ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า ตำรวจไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ กรณีเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพวก กรณีออกคำสั่งให้มีการสลายการชุมนุม ข้างโรงแรมเจบี อำเภอหาดใหญ่ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2545
ชาวบ้านเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย เดินออกจากศาลจังหวัดสงขลา ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก หลังเข้าไปรับฟังศาลอุทธรณ์อ่านคำพิจารณาคดี โดยพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า ตำรวจไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ กรณีชาวบ้าน 25 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายตำรวจ ระดับสั่งการอีก 5 นาย ในฐานะผู้สั่งการ กระทำการละเมิดเสรีภาพในการชุมนุมเพื่อสิ่งแวดล้อมของชุมชน
นางสาว ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลให้เหตุผลการชุมชนของกลุ่มผู้คัดค้านโครง การท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ว่าอาจมีแนวโน้มไปสู่ความรุนแรง โดยมีบทเรียนจากทำประชาพิจารณ์โครงการ 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีความวุ่นวายเกิดขึ้น จึงเป็นหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบ
เหตุการณ์เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคัดค้านโครงการท่อก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย มีขึ้นขณะชาวบ้านปักหลักอยู่บริเวณปากทางเข้าโรงแรมเจบี บนถนนจุติอนุสรณ์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อรอยื่นหนังสือต่อนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งมีกำหนดเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรร่วมกับคณะรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปี 2545 ส่งผลให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
ตลอดระยะเวลา 15 ปี มีการต่อสู้คดีในชั้นศาลมาอย่างต่อเนื่อง โดยกรณีพนักงานอัยการจังหวัดสงขลาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องชาวบ้าน ในข้อหาพยายามขัดขวางการประชุมทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฏีกา พิพากษาตรงกันให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมาย สงบและปราศจากอาวุธ ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
ต่อมาชาวบ้านได้ยื่นฟ้องคดีอาญา ศาลชั้นต้นเห็นว่าตำรวจไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุจึงยกฟ้อง จนมาถึงการพิจารณาของศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในวันนี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง: