วันนี้ (27 พ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ต้องการให้รัฐบาลและผู้ชุมนุมเจรจาโดยใช้สันติวิธี ไม่ให้มีความรุนแรง เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่น การใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนไทย
เอกชนเป็นห่วงสถานการณ์ ถ้ามีการชุมนุม ความมั่นใจในการจับจ่าย รวมถึงการลงทุนเพิ่มก็น่าเป็นห่วง จึงอยากให้ภาครัฐและผู้ชุมนุมเจรจาด้วยสันติวิธี
ขณะที่ ผศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังประเมินไม่ได้ว่ามีผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน เพราะการชุมนุมยังเป็นแบบแฟลชม็อบ ไม่ค้างคืน อยู่ในหลักของสันติ แต่หากยกระดับขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า การฟื้นตัวเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเป็นช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2564 จะขยับไปเป็นครึ่งปีหลัง
เรื่องนี้ต้องประเมินเป็นระยะ ถ้ามีการชุมนุมและกลุ่มผู้ชุมนุมบอกว่าจะยกระดับความเข้มข้น ก็ต้องติดตาม ถ้ามีการปะทะกันและรุนแรงก็จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
สำหรับภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ผศ.ธนวรรธน์ ระบุว่า เริ่มมีสัญญาณค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นแล้ว จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว และการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19
คาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจของไทยจะติดลบอยู่ที่ร้อยละ 4-5 ทั้งปีติดลบร้อยละ 6 และจะสามารถกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 ปี 2564 และทั้งปีเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 4
แท็กที่เกี่ยวข้อง: