ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

โดนปรับ 500 บาท หญิงขับรถเก๋งไม่หลบรถกู้ชีพ

อาชญากรรม
4 พ.ย. 67
18:49
868
Logo Thai PBS
โดนปรับ 500 บาท หญิงขับรถเก๋งไม่หลบรถกู้ชีพ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
หญิงคนขับรถยนต์เก๋งกีดขวางรถกู้ชีพที่กำลังเดินทางไปรับผู้ป่วยหมดสติ เข้าพบตำรวจ ชี้แจงว่าไม่มีเจตนากีดขวาง ตำรวจเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 500 บาท แนะเบี่ยงรถกู้ชีพ-รถฉุกเฉินบนท้องถนน

ในคลิปวิดีโอ ความยาว 36 วินาที จะสังเกตเห็นว่า รถกู้ชีพ พยายามบีบแตร และเปิดเสียงไซเรน เพื่อส่งสัญญาณให้รถยนต์เก๋งหลีกทาง ฝ่ายรถกู้ชีพ บอกด้วยว่า สถานการณ์จริง ทั้งกระพริบไฟ ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง แต่รถเก๋งยังไม่หลบ และถ้าลองสังเกต รถยนต์เก๋งที่วิ่งอยู่เลนขวาสุด คล้ายจะเหยียบเบรก เป็นระยะ ระยะ

เหตุเกิดช่วงเย็นวานนี้ (3 พ.ย.) รถกู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ วิ่งรถ เพื่อไปรับผู้ป่วยเหมดสติ โดยวิ่งไปบนถนนแพรกษา จนถึงช่วงโค้งโรงแก้ว ก่อนวัดแพรกษา มีรถยนต์เก๋งขับอยู่ข้างหน้า แม้จะพยายามส่งสัญญาณ แต่รถเก๋งไม่หลบ จนขับต่อมาอีกสักระยะ จึงเบี่ยงซ้ายออกมาได้

อ่านข่าว DSI แจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ขายตรง 18 ผู้ต้องหาดิไอคอน สัปดาห์นี้

ภาพวงจรปิดพบรถเก๋งไม่หลบรกกู้ภัยในพื้นที่ จ.สุมทรปราการ

ภาพวงจรปิดพบรถเก๋งไม่หลบรกกู้ภัยในพื้นที่ จ.สุมทรปราการ

ภาพวงจรปิดพบรถเก๋งไม่หลบรกกู้ภัยในพื้นที่ จ.สุมทรปราการ


หญิงชาวจังหวัดสมุทราปราการ รับว่า เป็นคนขับรถยนต์เก๋ง คันที่ปรากฎในคลิป โดยได้เข้าให้ปากคำกับ ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ยอมรับว่า ขณะเกิดเหตุ ได้ยินเสียงสัญญาณจากรถกู้ชีพ แต่คิดว่า รถกู้ชีพแล่นมาจากฝั่งตรงข้าม จึงขับรถยนต์ไปตามปกติ ไม่ได้มีเจตนาขับกีดขวางรถกู้ชีพ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เป็นคนขับรถ คันที่เกิดเหตุใช่หรือไม่ ซึ่งผู้หญิงคนนี้ ยืนยันว่า ใช่ เพราะตอนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่รถกู้ชีพ เข้าใจว่าเป็นผู้ชาย แต่ภายหลัง ก็ยอมรับว่า อาจจะเห็นไม่ชัด เพราะมืด

หญิงคนขับรถอ้างว่าไม่มีเจตนา และเข้าใจว่ารถกู้ชีพจะเบี่ยงทางเลนซ้าย โดนปรับ 500 บาท

หญิงคนขับรถอ้างว่าไม่มีเจตนา และเข้าใจว่ารถกู้ชีพจะเบี่ยงทางเลนซ้าย โดนปรับ 500 บาท

หญิงคนขับรถอ้างว่าไม่มีเจตนา และเข้าใจว่ารถกู้ชีพจะเบี่ยงทางเลนซ้าย โดนปรับ 500 บาท

ผู้หญิงที่ขับรถเก๋ง ตั้งคำถามกลับว่า "เลนซ้ายยังว่าง ก็คิดว่า รถกู้ชีพจะแซงไปทางซ้าย"

นายนครินทร์ รัตนประภาสชลา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ
บอกว่า ช่วงแรกรถกู้ชีพเบี่ยงซ้ายออกไม่ได้ เพราะมีรถจักรยานยนต์ขวางอยู่
และรถใหญ่ขวางอยู่ ถ้าหักซ้าย ก็จะมีอุบัติเหตุ เลยต้องบีบแตรไล่

รถคันดังกล่าวไม่ยอมหลบ บีบแตรก็แล้ว และเบี่ยงซ้ายไม่ได้ เพราะถ้าเบี่ยงซ้าย เพื่อชะลอตัว ก็จะโดนชนชนเหมือนกัน

เมื่อรถกู้ชีพไปถึงจุดหมาย พบว่าผู้ป่วยเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นแล้ว และอาจจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เสียชีวิตจากความล่าช้าของรถกู้ชีพหรือไม่ ซึ่งญาติของผู้เสียชีวิต ไม่ติดใจเอาความ

นายนครินทร์ รัตนประภาสชลา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ

นายนครินทร์ รัตนประภาสชลา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ

นายนครินทร์ รัตนประภาสชลา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ

แนะวิธีเบี่ยงรถกู้ชีพ-รถฉุกเฉิน 

ตามหลักการ เมื่อมีรถพยาบาล รถกู้ชีพ หรือรถฉุกเฉิน เปิดสัญญาณขอทาง ให้ผู้ใช้รถตั้งสติ มองกระจกหลัง เพื่อเช็คระยะ จากนั้นให้ลดความเร็ว และหลีกทางให้รถพยาบาล

กรณีรถติด ให้ชะลอรถ เพื่อให้รถพยาบาลหาทางวิ่งผ่านไป และเมื่อรถพยาบาลผ่านไปแล้ว ห้ามขับตาม ทั้งนี้พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 76 ระบุว่า

เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน จะต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อน หากฝ่าฝืน มีโทษเปรียบเทียบปรับ ไม่เกิน 500 บาท

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุลักษณะนี้ บางคนอาจตั้งคำถามว่า ทำไมรถพยาบาล รถกู้ชีพ ไม่ออกซ้าย หรือขับแซงไปเอง

เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ อธิบายว่า บางทีรถพยายาล รถกู้ชีพ อาจจะมีผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บอยู่ในรถ และอาจจะมีพยาบาล และทีมช่วยเหลืออยู่ในนั้น ซึ่งเป็นไปได้ว่า ทั้งหมดจะไม่ได้คาดเข็มขัด เพราะต้องนั่งบ้าง ยืนบ้าง หรือมีการกู้ชีพ ปั๊มหัวใจกันในรถ

เตียง ก็อาจจะไม่ได้ยึดแน่น เพราะต้องยกออกจากรถได้ง่ายและเร็ว ดังนั้น หากรถกู้ชีพเป็นฝ่ายแซง หรือเปลี่ยนช่องทางจราจร อาจเกิดอันตรายได้

แม้แต่กรณีล่าสุด เป็นการวิ่งรถเปล่าแต่ภายในอาจจะมีอุปกรณ์ หรือการเตรียมอุปกรณ์ กฎหมายจึงกำหนดไว้ชัดเจนว่า ให้ผู้ใช้รถ เป็นฝ่ายหลบ หรือหลีกทางให้รถฉุกเฉินก่อน และมีคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ว่า

ไม่ว่าจะเป็นรถที่มีผู้ป่วย หรือเป็นรถเปล่า ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า "นี่เป็นเหตุฉุกเฉิน" และขอให้ผู้ใช้ทาง หลีกทางให้รถกู้ชีพ เพราะต่อให้เป็นรถเปล่า ก็ต้องการความเร็ว ความปลอดภัย เพื่อไปรับผู้บาดเจ็บ และผู้ป่วยให้ได้ทันเวลา

อ่านข่าวอื่นๆ

ไทยเริ่มต้น "ฤดูหนาว" อุณหภูมิสูงกว่าปกติ 1 องศาฯ 

กต.ยัน "เกาะกูด" เป็นของไทย ไม่จำเป็นต้องยกเลิก MOU 44 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง