เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2568 ฝ่ายสื่อของกองทัพปากีสถาน เผยแพร่ภาพวิดีโอที่ระบุว่าเป็นการโจมตีทางอากาศที่เกิดขึ้นในรัฐปัญจาบ พร้อมระบุว่าเป็นฝีมือของอินเดีย หลังจากกองทัพปากีสถานประกาศก่อนหน้านี้ว่าอินเดียเปิดการโจมตี 3 จุดในปากีสถาน โดย 2 เมืองที่ถูกโจมตีอยู่ในแคว้นแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของปากีสถาน ขณะที่อีก 1 เมืองอยู่ในรัฐปัญจาบ
รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถาน เปิดเผยว่า มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 คน เป็นเด็กด้วย 1 คน ขณะที่รัฐบาลปากีสถานเรียกประชุมคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติหลังการโจมตีครั้งนี้ พร้อมประกาศจะตอบโต้อินเดีย
ล่าสุด แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในปากีสถาน ระบุว่า กองทัพอากาศปากีสถานยิงเครื่องบินอินเดียตกแล้ว 2 ลำ เพื่อตอบโต้การโจมตีในดินแดนปากีสถาน
อินเดียล็อกเป้าในปากีสถานถล่มกลุ่มก่อการร้าย
ด้านกองทัพอินเดีย เปิดเผยว่า เปิดการโจมตีสถานที่ของกลุ่มก่อการร้าย 9 จุดในปากีสถาน โดยเรียกปฏิบัติการนี้ว่า OPERATION SINDOOR ซึ่งหมายถึงสีแดงสดที่หญิงที่แต่งงานแล้วใช้แต้มศีรษะเป็นสัญลักษณ์ พร้อมข้อความที่ระบุว่า ความยุติธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว
ภายหลังมีการเปิดเผยภาพจากเมือง Muzaffarabad ในแคว้นแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของปากีสถาน พบบ้านเรือนพังเสียหายอย่างหนักหลังการโจมตี กลายเป็นกองซากปรักหักพังท่ามกลางความมืด
ขณะที่คนท้องถิ่นในเมืองระบุว่า จุดที่ถูกโจมตีจุดหนึ่งในเขตชนบทเป็นสถานที่ซึ่งกลุ่มติดอาวุธ Lashkar-e-Taiba เคยใช้เป็นฐานที่มั่น ซึ่งอินเดียเชื่อว่ากลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังเหตุกลุ่มติดอาวุธกราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 คนที่พาฮาลแกม ในแคว้นแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของอินเดีย แม้ว่าเวลานั้นจะมีกลุ่ม The Resistance Front กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในแคชเมียร์ออกมาอ้างความรับผิดชอบก็ตาม
หลังเกิดเหตุ อินเดียกล่าวโทษปากีสถานมาโดยตลอดว่าอยู่เบื้องหลังและประกาศจะจัดการกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุดังกล่าวอย่างสาสม
OPERATION SINDOOR ที่เพิ่งจะเปิดฉากขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เป็นไปตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญก่อนหน้านี้ที่มองว่า เหตุโจมตีนักท่องเที่ยวในพาฮาลแกมอาจนำมาซึ่งการยกระดับความตึงเครียดทางการทหาร เพราะเหตุโจมตีในแคชเมียร์ในอดีตเคยจุดชนวนปฏิบัติการทางทหารมาแล้วทั้งในปี 2016 และ 2019
หลายฝ่ายมองว่าไม่ผิดไปจากความคาดหมายที่อินเดียรีบเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ พร้อมตีข่าวให้เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน เนื่องจากเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความผิดพลาด บกพร่องด้านการข่าว จนเปิดช่องให้ถูกกลุ่มติดอาวุธเล็ดลอดเข้ามาก่อเหตุได้ เมื่อเสียหน้าจึงต้องรีบจัดการและเล่นใหญ่ แต่ความกังวลหนีไม่พ้นสถานะการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของทั้ง 2 ชาติที่อาจทำให้การปะทะกันเปราะบางมากขึ้น
ย้อนรอยขัดแย้ง "อินเดีย-ปากีสถาน" ยืดเยื้อหลายสิบปี
ย้อนไปปี 2016 อินเดียส่งทหารบุกถล่มฐานที่มั่นกลุ่มติดอาวุธ ฝ่าแนวเส้นควบคุมซึ่งแบ่งเขตแดนแคชเมียร์ส่วนที่อินเดียครอบครอง ข้ามเข้าไปในส่วนของปากีสถาน หลังกลุ่มติดอาวุธโจมตีทหารอินเดียเสียชีวิต 19 นาย
ปี 2019 อินเดียเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฐานที่มั่นกลุ่มติดอาวุธถึงในปากีสถาน หลังกลุ่มติดอาวุธสังหารทหารพรานอินเดียไป 40 นาย ซึ่งปากีสถานส่งเครื่องบินปฏิบัติการตอบโต้จนเกิดภาพที่ทหาร 2 ฝ่ายดวลกันตัวต่อตัว แต่สุดท้ายก็ยังเลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างกันได้
ทั้ง 2 ครั้ง สองชาติคู่อริตลอดกาลลดราวาศอกกันเอง แต่ครั้งนี้ต้องจับตาดูการตอบโต้ของปากีสถานและการเข้ามามีบทบาทของตัวกลางการเจรจา ซึ่งก่อนหน้านี้อิหร่านเสนอตัวไกล่เกลี่ยและรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านไปเยือนปากีสถานแล้ว ก่อนมีกำหนดไปอินเดีย แต่ปากีสถานถูกโจมตีเสียก่อน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าอินเดียอาจปฏิเสธบทบาทการเป็นตัวกลางของอิหร่านอย่างซึ่งหน้า
อ่านข่าว