เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นหลังเดินทางถึงกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดย ชีค โมฮาเหม็ด บิน ไซอิด อัล นาห์ยาน (Sheikh Mohamed bin Zayed Al Nahyan) ประธานาธิบดี ให้การต้อนรับด้วยตนเอง พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวนมาก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เป็นหมุดหมายสุดท้ายของการเยือนตะวันออกกลางของผู้นำสหรัฐฯ ต่อจากซาอุดีอาระเบียและกาตาร์ ที่ไปเยือนและปิดดีลข้อตกลงหลายอย่าง รวมมูลค่ามหาศาลไปก่อนหน้านี้
ในช่วงค่ำ UAE จัดพิธีต้อนรับผู้นำสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการที่พระราชวังกัสร์ อัล วาตัน (Qasr Al Watan) ซึ่งใช้เป็นทำเนียบประธานาธิบดี โดยพิธีต้อนรับจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และทรัมป์ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่หลายคน
ปธน.UAE ใช้โอกาสระหว่างหารือกับทรัมป์ ระบุว่า UAE ซึ่งให้คำมั่นเมื่อเดือน มี.ค. ว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า มีความกระตือรือร้นที่จะยกระดับความความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ
นอกจากนี้ ยังระบุกับทรัมป์ด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับ UAE ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงมาอย่างยาวนาว ก้าวกระโดดขึ้นไปอีกขั้น นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมานั่งเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ
ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ขอบคุณสำหรับความเชื่อมั่นและการลงทุนของ UAE และจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้ควรค่าแก่การลงทุนดังกล่าว ซึ่งเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดที่ UAE เคยตกลง นอกจากนี้ทรัมป์ตั้งตารอที่จะได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ ปธน.UAE ด้วย
นอกจากนี้ ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ทรัมป์กับ ปธน.UAE ได้ประกาศข้อตกลงต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงมูลค่า 14,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากสายการบิน Etihad Airways เพื่อลงทุนซื้อเครื่องบินโบอิง 28 ลำที่ผลิตในสหรัฐฯ ขณะที่ Etihad Airways ซึ่งมีฝูงบินราว ๆ 100 ลำ ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในประเด็นนี้
เอกสารของทำเนียบขาว ระบุด้วยว่า ทรัมป์บรรลุข้อตกลงใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับ UAE มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเร่งดำเนินการตามข้อตกลงเดิมมูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ตกลงกันได้ก่อนหน้านี้
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ทั้ง 2 ประเทศตกลงที่จะจัดตั้งกรอบความร่วมมือ "US-UAE AI Acceleration Partnership" ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ UAE สามารถเข้าถึงชิปปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงจากสหรัฐฯ ได้มากขึ้น หลังก่อนหน้านี้เคยเผชิญกับข้อจำกัดจากข้อกังวลของสหรัฐฯ ว่าจีนอาจสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดังกล่าวได้
ทรัมป์ระบุว่า น่าจะเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันศุกร์ (16 พ.ค.2568) หลังเสร็จสิ้นการเยือนตะวันออกกลาง แม้ตอนแรกเกือบจะไม่รู้ต้องไปที่ไหน เพราะจะมีคนโทรมาถามกันว่า คุณมาที่นี่ได้ไหม คุณไปที่นั่นได้ไหม
ท่าทีนี้มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยแย้มๆ ว่าอาจไปเยือนอิสตันบูลเพื่อเจรจาเรื่องยูเครน ก่อนจะเดินทางกลับสหรัฐฯ
อ่านข่าวอื่น :
ทรัมป์ย้ำ "คนโง่เท่านั้น" ที่ไม่รับเครื่องบินหรู 400 ล้านจากกาตาร์
กาตาร์-สหรัฐฯ ปิดดีลยักษ์ สายการบินสั่งซื้อโบอิงครั้งประวัติศาสตร์