ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

พาณิชย์ แจงไลฟ์ขายทุเรียน "เจาะขายตรง" ตลาดเศรษฐกิจดิจิทัล

เศรษฐกิจ
19 พ.ค. 68
11:54
0
Logo Thai PBS
พาณิชย์ แจงไลฟ์ขายทุเรียน "เจาะขายตรง" ตลาดเศรษฐกิจดิจิทัล
ผช.รมว.พาณิชย์ เล็งขยายตลาดผลไม้ไทยสู่ตลาดโลก ชี้ไลฟ์สดขายทุเรียน "กลยุทธ์"รุกกลุ่มเป้าหมายตอบโจทย์เศรษฐกิจดิจิทัล-คนรุ่นใหม่ เปิดตลาดอินเดียไม่ง่าย เหตุนำเข้าทุเรียนไทยแค่ 0.00005% ชี้กลิ่นแรงชาวอินเดียไม่ปลื้ม

วันนี้ (18 พ.ค.2568)นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาระบุว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการขยายตลาดมากกว่าการไลฟ์สดขายสินค้าเกษตร นั้น รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์มีแผนการบริหารจัดการผลไม้ไทยปี 2568 อย่างเป็นระบบ มี 7 มาตรการ 25 แผนงาน ครอบคลุมเป้าหมาย 950,000 ตัน ซึ่งมีกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอยู่แล้ว ทั้งการเปิดตลาดใหม่ และการใช้ช่องทางออนไลน์อย่างการไลฟ์สดควบคู่กัน ไม่ใช่การเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ยืนยันการใช้ช่องทางออนไลน์ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในสถานการณ์ขณะนี้

นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์

นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์

นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์

การหัวหน้าพรรคประชาชน แนะนำให้ใช้งบประมาณภาษีของประชาชนไปมุ่งเน้นการขยายตลาดในอินเดีย แทนการไลฟ์สดขายสินค้าทางออนไลน์ อาจสะท้อนถึงความเข้าใจที่ยังไม่ครบถ้วนต่อบริบทการดำเนินนโยบายเชิงกลยุทธ์ภายใต้งบประมาณที่มีข้อจำกัดของภาครัฐ ทั้งยังเป็นข้อเสนอที่มองข้ามข้อเท็จจริงในเชิงพฤติกรรมผู้บริโภคและโอกาสทางการตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน

โดยในปี 2567 ประเทศไทยส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 97.4% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนทั้งหมดของไทย คิดเป็นมูลค่า 1.348 แสนล้านบาท ส่วนอินเดียมีการนำเข้าทุเรียนจากไทยเพียง 0.00005%  คิดเป็นมูลค่า 67,662 บาท ซึ่งชาวอินเดียไม่นิยมรับประทานทุเรียน เนื่องจากกลิ่นของทุเรียนมักเป็นสิ่งที่ชาวอินเดียส่วนใหญ่รู้สึกไม่ปลื้ม บางรายไม่ชอบ โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นเคย คนอินเดียจำนวนมากจึงหลีกเลี่ยงผลไม้นี้ การขยายตลาดในประเทศอินเดียจึงไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น

ทั้งนี้ไทยส่งออกทุเรียนไปจีน 97.4% ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุด การหาตลาดเพิ่มกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งทำควบคู่กันอยู่แล้ว ทั้งในตลาดประเทศต่างๆ และ ในประเทศจีนที่ยังมีศักยภาพอีกมาก เพราะประชากรมีจำนวนมาก ประกอบกับชาวจีนนิยม ดังนั้นการที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมาช่วยไลฟ์ขายทุเรียนเป็นสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภคจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตลาดแบบนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่เจาะตลาดได้ตรงจุด

นอกจากนี้ จากข้อมูลปี 2567 ไทยมีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 4.44 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 5.7% จากปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 18.58 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนถึง 23.9% มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค

โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์เคยจัดงานมหกรรมไลฟ์คอมเมิร์ส International Live Commerce Expo 2024 ที่นำกลุ่ม KOLs ชื่อดังจากประเทศจีน เข้ามาไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นสินค้าไทยทั้งสิ้น จำนวน 5 วัน มีคำสั่งซื้อและยอดส่งออกไปจีนกว่า 4,300,000 ออเดอร์ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท เป็นอีกสิ่งยืนยันว่ากลยุทธ์การไลฟ์สินค้าไทยที่รัฐบาลเลือกใช้ในการขยายตลาดต่างประเทศเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมแล้ว

แม้นายณัฐพงษ์จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนแสดงความเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย อยากให้พรรคฝ่ายค้านพิจารณาใช้พลังในการเสนอแนวทางเชิงสร้างสรรค์ เพื่อช่วยกันผลักดันประเทศในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มากกว่าการวิพากษ์วิจารณ์เพียงเพราะหวังผลทางการเมือง

ทั้งนี้ นายวรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ได้ปฏิเสธการขยายตลาดใหม่ๆ อย่างประเทศอินเดียหรือประเทศอื่นๆ แต่ต้องยอมรับว่าใช้เวลาและต้นทุนสูง ขณะที่การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเฉพาะการไลฟ์สด เป็นแนวทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ออกมาแนะรัฐบาลในการหาตลาดใหม่ๆส่งออกทุเรียน เช่น อินเดีย อย่าพึ่งพาแต่ตลาดจีน เพราะหากทุกจีนกีดกันทุเรียนก็จะเกิดผลกระทบตามมา เพราะประเทศที่นำเข้าทุเรียนหลักจากไทย คือ จีน และยังมีคู่แข่งที่สำคัญคือ เวียดนาม เมื่อดูสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามสนับสนุนเกษตรกร พยายามอุดหนุนเงินให้กับเกษตรกรที่มีมูลค่ามากขึ้น

โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ปลูกทุเรียนเพื่อมาแข่งขันกับไทย ขณะเดียวกันบริบทในประเทศไทยนั้น ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีมูลค่า แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นการยกระดับหรือช่วยเหลือจากรัฐบาลเท่าที่ควร เกษตรกรอยู่รอดด้วยตัวเองเพราะชาวจีนชอบบริโภคทุเรียนและมองว่าเป็นสินค้าที่มีมูลค่า ทานแล้วดีต่อสุขภาพ

หากจะเสนอแนะต่อรัฐบาลมากกว่าการไลฟ์สด วิธีการดังกล่าวอาจจะเป็นการขยายตลาด แตะตลาดปัจจุบันของไทยคือการส่งออกไปจีน โดยสิ่งที่รัฐบาลทำมากกว่าคือการเปิดตลาดใหม่ เช่นประเทศอินเดียมีจำนวนประชากรมาก และเป็นประเทศที่บริโภคผลไม้และอาหารต่างๆที่มีรสจัด โดยมองหาตลาดใหม่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ อย่าพึ่งผิงแค่ตลาดในประเทศจีนอย่างเดียว

รวมไปถึงการช่วยลดต้นทุนเกษตรกร ช่วยยกระดับ ช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ของทุเรียนแล้ว คือการขยายตลาดออกไปพื้นที่ใหม่ใหม่ประเทศใหม่ใหม่

ข้อมุลจากกระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีผลผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้นจาก 1,200,000 ตัน เป็น 1,500,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 300,000 ตัน เนื่องจากผ่านช่วงลานีญาที่ทำให้เกิดภาวะแล้ง และมีการขยายพื้นที่ปลูกซึ่งจากการลงพื้นที่ทั้งภาคใต้ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกของจีน ทุกตลาดยอมรับว่ามีความต้องการผลไม้ไทยเพิ่มขึ้น

อ่านข่าว:

 พาณิชย์ โรดโชว์ “ผลไม้ไทย” หวั่นล้นตลาด “ทุเรียน” ปีนี้ผลผลิตเพิ่ม 3 แสนตัน

“อาเซียน” ย้ำจุดยืนบนเวทีเอเปค หนุนค้าเสรี รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน

"แตงโมชัยนาท" ราคาตกต่ำ "พาณิชย์" เร่งเชื่อมตลาดช่วยเกษตรกร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง