วันนี้ (4 พ.ค.2568) นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์ข้อความผ่านสังคมออนไลน์แอบอ้างเป็นหมอพื้นบ้าน สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยประชาชนได้ ว่า กรณีดังกล่าว มีประชาชนร้องเรียนมายังกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้มีการตรวจสอบเนื่องจากปรากฏว่ามีผู้แอบอ้าง สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย อวดอ้างสรรพคุณมีภูมิปัญญาโบราณพื้นบ้าน
- โซเชียลตั้งคำถาม นโยบาย สธ.จ่าย "ยาสมุนไพรไทย" ทดแทนบางรายการ
- เปิดชื่อ "สมุนไพร" ในบัญชียาหลักฯ รักษา 10 กลุ่มโรค
- “สมุนไพร” ในบัญชียาหลัก “ไม่ใช่เรื่องใหม่”
จึงได้มอบหมายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งหาข้อมูล ทำการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เพราะหากไม่ได้เป็นหมอพื้นบ้านตามที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองนั้น อาจเกิดผลกระทบต่อประชาชนหลงเชื่อไปรับการรักษา ทำให้ได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง เป็นอันตรายต่อสุขภาพบางรายอาจทำให้พิการหรือเสียชีวิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อหมอพื้นบ้านตัวจริง ทำให้คนขาดความเชื่อมั่นในภูมิปัญญาท้องถิ่น
นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของหมอพื้นบ้าน จึงได้จัดทำระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน พ.ศ.2562 มีการกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ อย่างเข้มข้น ทั้งอายุ คุณธรรม จริยธรรม มีความรู้ความสามารถ มีความชำนาญจากการสืบทอดภูมิปัญหาที่สืบทอดมาต้องไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นที่รู้จักและได้รับยอมรับจากคนในชุมชน ผ่านการเสนอชื่อจากคณะกรรมการหมู่บ้าน ชุมชน ท้องถิ่นและรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ได้หมอพื้นบ้านตัวจริง
ดังนั้น หากประชาชนมีความประสงค์รักษาโรคกับหมอพื้นบ้าน ต้องสอบถามให้แน่ใจว่า บุคคลดังกล่าว มีหนังสือรับรองการเป็นหมอพื้นบ้านจากกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ และหมอพื้นบ้านคนดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคด้านใด สอดคล้องกับโรคของตนเองที่ต้องการไปรับการรักษาหรือไม่
หากเกิดข้อสงสัยสามารถสอบถามกับแพทย์แผนไทยหรือบุคลากรสาธารณสุขในหน่วยบริการของรัฐได้ทั่วประเทศ หรือติดต่อโดยตรงที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 02149 5678 หรือช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กและไลน์แอดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
อ่านข่าว : อย่าซีเรียส! สมศักดิ์ยันไม่บังคับ รพ. ใช้สมุนไพรแทนยาแผนปัจจุบัน
ด้าน นายนันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย กล่าวว่า ตาม ม.31 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการห้ามไม่ให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนไทยประยุกต์ หากฝ่าฝืนจะมีความผิด ตาม ม.53 และ ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บ.หรือทั้งจำทั้งปรับ
การโฆษณาการรักษา โดยไม่มีใบอนุญาต อาจเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริงหรือหลอกลวงผู้บริโภค และการเผยแพร่เนื้อหาผ่านโซเชียลมีเดีย ในลักษณะการรักษาผ่าน TikTok หรือ Facebook โดยไม่มีใบอนุญาต อาจเข้าข่ายการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการอ้างสรรพคุณในการรักษาโรค หรือ อาการต่าง ๆ
นอกจากนี้ หากมีการเผยแพร่ภาพหรือวิดีโอของผู้ป่วยโดยไม่ได้รับความยินยอม อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ม.16 ซึ่งระบุว่า การนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
กรณีมีอาการรุนแรงหรือฉุกเฉิน เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก ควรรีบพบแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ควรเชื่อคำกล่าวอ้างเกินจริง เช่น “รักษาได้ทุกโรค” หรือ “ไม่ต้องไปโรงพยาบาลอีก”หมอพื้นบ้านที่โฆษณาในสื่อโซเชียลมีเดีย ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือก่อน เช่น มีการแสดงใบรับรอง หรือได้รับการแนะนำจากหน่วยงานท้องถิ่น ทั้งนี้ หมอพื้นบ้านไทย มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะในระดับชุมชน ซึ่งเป็นพลังสำคัญของระบบสุขภาพไทย
อ่านข่าว : ปค.ลงพื้นที่ตรวจบ้านสมุนไพรปราจีนบุรี ลูกร้องแม่ตายหลังรักษา 5 วัน
พ่อเมืองเชียงรายสั่ง "งดใช้" น้ำกก-น้ำสาย ยังพบ "สารหนู" ปนเปื้อน
สธ.เห็นชอบเพิ่ม "ยาสมุนไพร" ในบัญชียาหลักอีก 106 รายการ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: