วันนี้ ( 6 พ.ค.2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน เม.ย.2568 เท่ากับ 100.14 เทียบกับ เม.ย.2567 ลด 0.22% เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 13 เดือน หลังจากที่เคยติดลบติดต่อกันในเดือน ต.ค.2566-มี.ค.2567 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ทั้งแก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน และค่ากระแสไฟฟ้า ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์
และมีมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ รวมทั้งมีการลดลงของราคาผักสดและไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนน้อยกว่าปีก่อน แต่สินค้าอาหารบางชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น เนื้อสุกร อาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร ส่วนราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก และหากรวมเงินเฟ้อ 4 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) เพิ่มขึ้น 0.75%
สำหรับเงินเฟ้อที่ลดลง 0.22% มาจากการลดลงของหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 1.45% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ทุกชนิด น้ำมันเบนซิน ค่ากระแสไฟฟ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว แป้งทาผิวกาย)

สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำยาถูพื้น) และเสื้อผ้า (กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อยืดบุรุษ เสื้อเชิ้ตบุรุษ) ส่วนสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ น้ำมันดีเซล ค่าเช่าบ้าน ค่าทัศนาจรต่างประเทศ และค่าแต่งผมบุรุษและสตรี
ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 1.63% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (เนื้อสุกร ปลานิล ปลาทู กุ้งขาว) กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) น้ำอัดลม)

กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) กะทิสำเร็จรูป) กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเหนียว ขนมอบ) กลุ่มผลไม้สด (กล้วยน้ำว้า สับปะรด แตงโม มะพร้าวอ่อน) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน น้ำตาลทรายแดง) และมีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ ผักสด (มะนาว ถั่วฝักยาว แตงกวา ผักชี ผักกาดขาว พริกสด) ไข่ไก่ ส้มเขียวหวาน และไก่ย่าง
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือน เม.ย.2568 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.98% เร่งตัวขึ้นจากเดือน มี.ค.2568 ที่สูงขึ้น 0.86% และรวม 4 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) เพิ่มขึ้น 0.91%

สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค.2568 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับเดือน เม.ย.2568 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง จากราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศปรับตัวลดลงทิศทางเดียวกัน ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการปรับลดราคาค่ากระแสไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2568 ลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย ฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น และการจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

ผอ.สนค.กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่จะสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปัจจุบันเท่ากับ 31.94 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ เกลือป่น น้ำมันพืช และเนื้อสุกร เป็นต้น
ทั้งนี้ เดิม สนค. จะพิจารณาปรับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีใหม่ในการแถลงข่าวเงินเฟ้อเดือน เม.ย.2568 ช่วงต้นเดือน พ.ค.2568 แต่ขอดูตัวเลขเดือน พ.ค.2568 ที่จะประกาศในช่วงต้นเดือน มิ.ย.2568 ก่อน แล้วจะประกาศตัวเลขเป้าหมายเงินเฟ้อของปี 2568 ใหม่
อ่านข่าว:
ลุ้น ครม.เคาะแจกเงินดิจิทัล 10,000 เฟส 3 กลุ่มอายุ 16-20 ปี
“จีดีพี”ไทยโตรั้งท้ายอาเซียน เวิลด์แบงก์-IMF หั่นเหลือ 1.6-1.8%
ฤาจะถึงคราเสน่ห์ "เที่ยวไทย" สิ้นมนต์ขลัง ในสายตานักท่องเที่ยวจีน