ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทำไมต้อง "เลโอ ที่ 14" และ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโป๊ปอเมริกันคนแรก

Logo Thai PBS
ทำไมต้อง "เลโอ ที่ 14" และ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโป๊ปอเมริกันคนแรก
พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ชาวอเมริกันวัย 69 ปี ได้รับเลือกเป็นประมุขแห่งพระศาสนจักรคาทอลิก กลายเป็นโป๊ปชาวอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ 2,000 ปี พระนาม "เลโอ" ที่ทรงเลือกสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในสันติภาพ ความยุติธรรมทางสังคม และการปกป้องผู้ยากไร้

เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่นนครรัฐวาติกัน ควันสีขาวลอยขึ้นจากปล่องควันเหนือโบสถ์น้อยซิสทีน เมื่อเวลา 18:08 น. (23:08 น. ตามเวลาประเทศไทย) สัญญาณแห่งความยินดีของคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลก หลังคณะพระคาร์ดินัล 133 รูปในการประชุมลับ คอนเคลฟ สามารถเลือกประมุขแห่งพระศาสนจักรคาทอลิกองค์ใหม่ได้สำเร็จในวันที่ 2 ของการประชุม

เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มทั่วจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ เมื่อพระคาร์ดินัลโดมินิก ม็องแบร์ตี ประกาศคำว่า "Habemus Papam" หรือ "เรามีพระสันตะปาปาแล้ว" ตามด้วยการปรากฏพระองค์ของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ณ ระเบียงกลางของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 เดิมคือ พระคาร์ดินัล โรเบิร์ต ฟรานซิส เพรวอสต์ ชาวอเมริกันวัย 69 ปี จากเมืองชิคาโก ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 267 และเป็นชาวอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ศาสนจักรคาทอลิก การเลือกพระนาม "เลโอ" ซึ่งแปลว่า "สิงโต" ในภาษาละติน สื่อถึงความเข้มแข็ง กล้าหาญ และความเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยเมตตา

ไทยพีบีเอสออนไลน์ชวนเจาะลึกถึงเหตุผลที่พระองค์ทรงเลือกพระนามนี้ และ 10 เรื่องสำคัญที่ต้องรู้เกี่ยวกับผู้นำศาสนจักรคนใหม่

ทำไมต้อง "เลโอ ที่ 14" ?

พระนาม "เลโอ" เป็น 1 ในพระนามที่ได้รับความนิยมในหมู่พระสันตะปาปา โดยมีพระสันตะปาปา 13 องค์ก่อนหน้านี้ที่ใช้พระนามนี้ ทำให้ "เลโอ" เป็นพระนามที่ได้รับเลือกมากเป็นอันดับ 4 ร่วมกับพระนาม "เคลเมนต์" รองจาก "จอห์น" "เกรกอรี" และ "เบเนดิกต์"

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 สิ้นพระชนม์ในปี 2446 ก็ไม่มีพระสันตะปาปาองค์ใดเลือกพระนามนี้มานานถึง 122 ปี การที่พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ทรงเลือกพระนามนี้จึงมีความหมายลึกซึ้งทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และวิสัยทัศน์ของพระองค์

สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ซึ่งครองตำแหน่งระหว่างปี 2421-2446 เป็นที่จดจำจากเอกสาร "Rerum Novarum" ในปี 2434 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของหลักคำสอนด้านสังคมสมัยใหม่ของศาสนจักรคาทอลิก เอกสารฉบับนี้วิพากษ์ผลกระทบของปฏิวัติอุตสาหกรรมต่อแรงงาน เรียกร้องความยุติธรรมทางสังคม สิทธิของผู้ใช้แรงงาน และการปกป้องผู้ยากไร้

นายมัตเตโอ บรูนี โฆษกวาติกัน ระบุว่า การเลือกพระนาม "เลโอ" ของพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 เป็นการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนในการสานต่อหลักคำสอนนี้ โดยเฉพาะในยุคที่โลกเผชิญการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งส่งผลต่อชีวิตแรงงานไม่ต่างจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

แรงบันดาลใจจาก "Leo the great - เลโอมหาราช"

พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 1 หรือ "เลโอมหาราช" ซึ่งครองตำแหน่งในศตวรรษที่ 5 เป็น 1 ในพระสันตะปาปาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ พระองค์ทรงเป็นที่จดจำจากการเจรจากับแอตทิลา ผู้นำชาวฮัน ในปี 452 เพื่อหยุดยั้งการรุกรานจักรวรรดิโรมัน การเจรจาครั้งนั้น ซึ่งถูกบันทึกในภาพวาดของราฟาเอลในปี 1514 มีการจัดแสดงในวัง Apostolica ของวาติกัน แสดงถึงพลังของสันติวิธีและความกล้าหาญของพระสันตะปาปาที่เผชิญหน้ากับศัตรูโดยปราศจากอาวุธ

สุนทรพจน์แรกของพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ที่ตรัสว่า "สันติสุขจงมีแด่ท่านทั้งหลาย" สะท้อนถึงแรงบันดาลใจจากเลโอมหาราชในการนำสันติภาพมาสู่โลกที่แตกแยก

คำว่า "เลโอ" ในภาษาละตินแปลว่า "สิงโต" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ และความเป็นผู้นำ ในขณะเดียวกัน พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ทรงแสดงถึงความเมตตาและความอ่อนน้อมผ่านการทำงานมิชชันนารีในเปรูและการอุทิศตนเพื่อผู้ถูกกีดกัน การเลือกพระนามนี้จึงเป็นการผสานพลังของสิงโตเข้ากับหัวใจของผู้รับใช้

13 รายพระนามที่ "โป๊ป" เลือกใช้มากกว่า 5 ครั้ง

  1. จอห์น (John) 21 ครั้ง
  2. เกรกอรี (Gregory) 16 ครั้ง
  3. เบเนดิกต์ (Benedict) 15 ครั้ง
  4. เคลเมนต์ (Clement) 14 ครั้ง
  5. เลโอ (Leo) 14 ครั้ง
  6. อินโนเซนต์ (Innocent) 13 ครั้ง
  7. ปิอุส (Pius) 12 ครั้ง
  8. สตีเฟน (Stephen) 9 ครั้ง
  9. โบนิเฟซ (Boniface) 9 ครั้ง
  10. เออร์บัน (Urban) 8 ครั้ง
  11. อเล็กซานเดอร์ (Alexander) 7 ครั้ง
  12. เอเดรียน (Adrian) 6 ครั้ง
  13. พอล (Paul) 6 ครั้ง

ทำไมโป๊ปต้องเปลี่ยนพระนาม ?

การที่พระสันตะปาปาทรงเปลี่ยนพระนามเมื่อขึ้นดำรงตำแหน่ง เป็นประเพณีที่มีรากฐานยาวนานในประวัติศาสตร์ของศาสนจักรคาทอลิก ซึ่งมีเหตุผลทั้งในแง่สัญลักษณ์ ศาสนา และประวัติศาสตร์ ดังนี้

สัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่

การเปลี่ยนชื่อเมื่อขึ้นเป็นพระสันตะปาปาเปรียบเสมือนการ "เกิดใหม่" ในฐานะผู้นำสูงสุดของศาสนจักรคาทอลิก ชื่อใหม่นี้สะท้อนถึงการละทิ้งอัตลักษณ์เดิมในฐานะบุคคลธรรมดา และการรับบทบาทใหม่ในฐานะ "ผู้รับใช้ของผู้รับใช้พระเจ้า" (Servus Servorum Dei) ซึ่งเป็นสมญานามของพระสันตะปาปา ชื่อใหม่นี้ยังแสดงถึงการเริ่มต้นภารกิจใหม่ในชีวิตที่อุทิศแด่การนำพาศาสนจักรและคริสตชนทั่วโลก

การเชื่อมโยงกับประเพณีและประวัติศาสตร์ของศาสนจักร

การเลือกพระนามใหม่ มักเป็นการระลึกถึงพระสันตะปาปาในอดีตที่มีคุณูปการหรือมีความสำคัญต่อศาสนจักร เช่น การที่สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ทรงเลือกพระนาม "เลโอ" เพื่อสานต่อมรดกของพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ผู้เน้นหลักคำสอนด้านสังคม หรือ เลโอมหาราช (เลโอ ที่ 1) ผู้เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ชื่อที่เลือกจึงเป็นการแสดงเจตจำนงของพระสันตะปาปาองค์ใหม่ว่าจะเดินตามรอยหรือเน้นภารกิจในแนวทางใด

การเลียนแบบธรรมเนียมของอัครสาวก

ประเพณีนี้มีรากฐานจากคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งอัครสาวกบางคนได้รับชื่อใหม่จากพระเยซูเมื่อได้รับเรียกให้ปฏิบัติภารกิจ เช่น ซีโมนที่ได้รับพระนามใหม่ว่า "เปโตร" ที่แปลว่า "ศิลา" ซึ่งกลายเป็นอัครสาวกคนแรกที่เป็นรากฐานของศาสนจักร (มัทธิว 16:18) การเปลี่ยนชื่อของพระสันตะปาปาจึงเป็นการเลียนแบบธรรมเนียมนี้ เพื่อแสดงถึงการรับพันธกิจอันศักดิ์สิทธิ์ในการเป็น "ผู้สืบตำแหน่งของนักบุญเปโตร" ซึ่งถือเป็นสมญานามของพระสันตะปาปา

การหลีกเลี่ยงความสับสนและสร้างเอกลักษณ์

พระนามใหม่ช่วยแยกแยะตัวตนของพระสันตะปาปาออกจากชื่อเดิมในชีวิตฆราวาส และช่วยให้คริสตชนทั่วโลกจดจำได้ง่ายขึ้น พระนามที่เลือกมักมีความหมายหรือเชื่อมโยงกับคุณค่าทางจิตวิญญาณ เช่น "เลโอ" ที่แปลว่า "สิงโต" สื่อถึงความเข้มแข็งและความกล้าหาญ หรือ "ฟรานซิส" ที่พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเลือกเพื่อระลึกถึงนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี ผู้เป็นสัญลักษณ์ของความยากจนและความเรียบง่าย

การแสดงถึงความอ่อนน้อมและการถวายตัว

การเปลี่ยนพระนามยังสะท้อนถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนของพระสันตะปาปา โดยการละทิ้งพระนามเดิมที่ใช้ในชีวิตส่วนตัว แสดงถึงการถวายตัวทั้งหมดแด่พระเจ้าและศาสนจักร พระนามใหม่ที่เลือกมักสะท้อนถึงค่านิยมหรือพันธกิจที่พระสันตะปาปาองค์นั้นต้องการเน้น เช่น การเลือกชื่อ "เบเนดิกต์" แปลว่าผู้ได้รับพร หรือ "เคลเมนต์" แปลว่าผู้เปี่ยมเมตตา

จุดเริ่มต้นของประเพณีการเปลี่ยนพระนามโป๊ป

ประเพณีการเปลี่ยนพระนาม เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในช่วงศตวรรษที่ 6 โดยพระสันตะปาปาคนแรกที่เปลี่ยนพระนามคือ พระสันตะปาปาเมอร์คิวรี (Mercurius) ซึ่งขึ้นครองตำแหน่งในปี 533 และเปลี่ยนพระนามเป็น พระสันตะปาปาจอห์นที่ 2 เนื่องจากพระนาม "เมอร์คิวรี" มาจากชื่อเทพเจ้าโรมัน (Mercury) ซึ่งไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำคริสตจักรในยุคนั้น การเปลี่ยนพระนามจึงเริ่มกลายเป็นธรรมเนียมเพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อคริสเตียน

หลังจากนั้น การเปลี่ยนพระนามกลายเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อมาเกือบทุกพระสันตะปาปา โดยเฉพาะตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 เป็นต้นมา พระสันตะปาปาคนสุดท้ายที่ใช้พระนามเดิมคือ พระสันตะปาปามาร์เซลลัส ที่ 2 ในปี 1555 ซึ่งเลือกที่จะใช้ชื่อเดิม "มาร์เซลลัส" ต่อไป แต่หลังจากนั้น พระสันตะปาปาทุกองค์ล้วนเปลี่ยนพระนามเมื่อขึ้นครองตำแหน่ง

ยกเว้นบางกรณี ที่พระสันตะปาปาเลือกใช้ชื่อที่ใกล้เคียงกับพระนามเดิม เช่น พระสันตะปาปาเอเดรียน ที่ 1 ซึ่งพระนามเดิมคือ "เอเดรียน" หรือบางองค์เลือกพระนามที่สะท้อนถึงรากเหง้าทางจิตวิญญาณของตน

10 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14

1.พระสันตะปาปาชาวอเมริกันคนแรก
พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 หรือ โรเบิร์ต ฟรานซิส เพรวอสต์ ประสูติเมื่อวันที่ 14 ก.ย.2498 ที่เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา การได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาทำให้พระองค์กลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งศาสนจักรคาทอลิกในประวัติศาสตร์ 2,000 ปี ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงความหลากหลายของศาสนจักรในยุคโลกาภิวัตน์

2.ชีวิตมิชชันนารีในเปรู
พระองค์ทรงใช้เวลากว่า 2 ทศวรรษในเปรู โดยเริ่มจากการเป็นมิชชันนารีในเมืองตรูฆิโย และต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นอัครมุขนายกแห่งชิกลาโยระหว่างปี 2557-2566 ประสบการณ์ในละตินอเมริกาทำให้พระองค์เข้าใจความท้าทายของผู้ยากไร้และชุมชนชายขอบ ซึ่งหล่อหลอมวิสัยทัศน์ด้านความยุติธรรมทางสังคมของพระองค์

3.สมาชิกคณะออกัสติน
พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ทรงเป็นนักบวชจากคณะออกัสติน ซึ่งเป็นคณะนักบวชที่มีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วโลก พระองค์เคยดำรงตำแหน่งอธิการเจ้าคณะใหญ่ของคณะนี้เป็นเวลากว่าทศวรรษ สุนทรพจน์แรกของพระองค์อ้างถึงนักบุญออกัสตินสะท้อนถึงความถ่อมตนและความปรารถนาที่จะเดินเคียงข้างคริสตชน ว่า

เพื่อท่าน ฉันเป็นพระสังฆราช แต่ร่วมกับท่าน ฉันเป็นคริสต์ศาสนิกชน

4.ผู้นำที่ได้รับความไว้วางใจจากพระสันตะปาปาฟรานซิส
พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงแต่งตั้งพระองค์เป็นพระคาร์ดินัลในปี 2566 และมอบหมายให้เป็นหัวหน้าสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกพระสังฆราชทั่วโลก นักวิเคราะห์วาติกันระบุว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเห็นความสามารถในการเป็นผู้นำที่สมดุลและรอบคอบในตัวพระองค์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่พระองค์ได้รับเลือกให้สืบทอดตำแหน่ง

5.พลเมืองคู่ของสหรัฐฯ และเปรู
พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ทรงถือ 2 สัญชาติ คือ สหรัฐอเมริกาและเปรู โดยได้รับสัญชาติเปรูในปี 2558 จากการทำงานในประเทศนี้เป็นเวลานาน ปธน.ดีนา โบลัวร์เต ของเปรู ยกย่องการได้รับเลือกของพระองค์ว่าเป็น "ช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับเปรูและโลก"

6.การศึกษาและความสนใจส่วนตัว
พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา รัฐเพนซิลเวเนีย และต่อมาศึกษาศาสนศาสตร์ที่ Catholic Theological Union ในชิคาโก รวมถึงศึกษากฎหมายพระศาสนจักรที่กรุงโรม นอกจากนี้ พระองค์ทรงชื่นชอบการเล่นเทนนิส การอ่าน และการเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ๆ ซึ่งสะท้อนถึงบุคลิกที่สมดุลระหว่างงานและการพักผ่อน

7.ผู้นำที่มีแนวคิดเป็นศูนย์กลาง
พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ถูกมองว่าเป็นผู้นำที่มีแนวคิดเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสามารถดึงดูดการสนับสนุนจากทั้งกลุ่มก้าวหน้าและอนุรักษนิยมในหมู่พระคาร์ดินัล การที่พระองค์ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 2 ใน 3 จากพระคาร์ดินัล 133 รูปแสดงถึงความสามารถในการรวมใจของพระองค์

8.ความมุ่งมั่นเพื่อผู้ยากไร้และแรงงาน
การเลือกพระนาม "เลโอ" สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพระองค์ในการสานต่อมรดกของพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ในการปกป้องสิทธิแรงงานและผู้ยากไร้ พระองค์คาดว่าจะให้ความสำคัญกับประเด็นความยากจน การอพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นที่สอดคล้องกับนโยบายของพระสันตะปาปาฟรานซิส

9.ประสบการณ์การบริหารในวาติกัน
ก่อนได้รับเลือก พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสมณสภาเพื่อละตินอเมริกา และหัวหน้าสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช ซึ่งทำให้พระองค์มีประสบการณ์บริหารในระดับสูงในวาติกัน ความรู้และความเข้าใจในโครงสร้างศาสนจักรจะช่วยให้พระองค์นำการปฏิรูปต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10.วิสัยทัศน์สำหรับศาสนจักรยุคใหม่
พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 14 ทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเป็น "professionalism missionary" หรือผู้แพร่ธรรมในทุกสถานที่ พระองค์ปรารถนาที่จะนำศาสนจักรให้เป็นที่พึ่งของทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ถูกกีดกันในสังคม สุนทรพจน์แรกของพระองค์ที่กล่าวถึง "เสียงที่อ่อนโยนแต่กล้าหาญ" ของพระสันตะปาปาฟรานซิส บ่งชี้ว่า พระองค์จะสานต่อวิสัยทัศน์ของการเป็นศาสนจักรที่โอบกอดทุกคน

อ่านข่าวอื่น :

โป๊ปเลโอที่ 14 สวดภาวนาหลังได้รับเลือกประมุขแห่งวาติกัน

พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 โป๊ปผู้โอบกอดผู้ถูกกีดกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง