วันนี้ (16 พ.ค.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยผลการเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (UN Peacekeeping Ministerial) ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 พ.ค.2568 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
นายภูมิธรรมระบุว่า การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างชาติเพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพ โดยทุกประเทศแสดงความมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการป้องกันความขัดแย้งและฟื้นฟูสันติภาพในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามและภัยพิบัติ ประเทศไทยในฐานะสมาชิก UN และผู้มีส่วนร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพมาอย่างยาวนาน
ได้ใช้โอกาสนี้ยืนยันจุดยืนในการสนับสนุนทุกมิติของการรักษาสันติภาพ โดยเฉพาะการนำความเชี่ยวชาญด้านการกู้ระเบิด (Explosive Ordnance Disposal - EOD) ซึ่งไทยสั่งสมประสบการณ์จากการจัดการภัยจากวัตถุระเบิดตกค้างในพื้นที่ชายแดนและความขัดแย้งในอดีต
ประเทศไทยให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนภารกิจของ UN อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการกู้ระเบิด ซึ่งเรามีความเชี่ยวชาญและพร้อมถ่ายทอดความรู้ นอกจากนี้ ไทยยังยินดีจัดการฝึกอบรมให้กับบุคลากรจากชาติอื่น ๆ และให้ความร่วมมือในทุกด้านเพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน
นายภูมิธรรมกล่าว พร้อมเสริมว่าการประชุมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ไทยได้พบปะและหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีกลาโหมจากหลายประเทศ รวมถึงรัฐบาลชุดใหม่ของเยอรมนีที่เพิ่งจัดตั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะการเจรจากับนายบอริส พิสโทเรียส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี ซึ่งดำรงตำแหน่งต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและความร่วมมือในอนาคต
นายภูมิธรรมยังได้กล่าวถึงการหารือในประเด็นความท้าทายใหม่ ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีในภารกิจรักษาสันติภาพ การป้องกันภัยจากวัตถุระเบิดในพื้นที่ขัดแย้ง และการพัฒนาศักยภาพของกำลังพล UN ผ่านการฝึกอบรม
ไทยเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านการกู้ระเบิดในภูมิภาคเอเชีย โดยใช้ประสบการณ์จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ ไทยยังสนับสนุนการเพิ่มบทบาทของสตรีในภารกิจรักษาสันติภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของ UN เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและประสิทธิภาพในปฏิบัติการ
สั่งสอบปมทหารขับแกร็บ คนส่วนน้อยทำเสียภาพลักษณ์
ประเด็นที่รองผู้บังคับกองพันนายหนึ่งในสังกัดกองบิน 23 จ.อุดรธานี ถูกกล่าวหาว่าสั่งให้ทหารกองประจำการขับรถรับส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชันแกร็บเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โดยระบุว่าได้สั่งการให้กองทัพอากาศตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน และขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ
นายภูมิธรรมย้ำว่า กระทรวงกลาโหมมีนโยบายชัดเจนในการรักษาวินัยและความโปร่งใสในกองทัพ โดยได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับตั้งแต่ช่วงเกณฑ์ทหารให้ป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ได้เน้นย้ำเรื่องวินัยและจริยธรรมไปแล้วตั้งแต่ต้น ผู้บังคับบัญชาทุกระดับในเหล่าทัพก็ย้ำชัดเจน แต่บางครั้งก็มีคนส่วนน้อยที่กระทำผิด ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ กลาโหมจะไม่ละเลย จะสอบสวนให้ถึงต้นตอของปัญหา ถ้าพบว่าผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
นายภูมิธรรมกล่าว พร้อมยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวไม่สะท้อนภาพรวมของกองทัพ ซึ่งมีทหารส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทและซื่อสัตย์
นายภูมิธรรมยังได้สั่งการให้กองทัพอากาศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนระบบการกำกับดูแลภายใน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุในลักษณะนี้อีกในอนาคต โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจจากประชาชนต่อกองทัพ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของกระทรวงกลาโหมในการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัยและโปร่งใส
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้มีการสื่อสารกับกำลังพลทุกระดับเพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อภาพลักษณ์ของกองทัพและความเชื่อมั่นของสาธารณชน
อ่านข่าวอื่น :
ค้นวัดไร่ขิงหาหลักฐานเพิ่มคดี "อดีตเจ้าอาวาส" ยักยอกเงิน 300 ล้าน
มูลนิธิไทใหญ่จี้เปิดเผยข้อมูลเหมืองแรร์เอิร์ธ ใกล้ชายแดนไทยเร่งด่วน