วันนี้ ( 19 พ.ค.2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์และส่วนประกอบของไทยถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดต่อเนื่องมาเป็นเวลานานนับ 10 ปี โดยในปี 2567 การส่งออกสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้อง มีมูลค่า 35,353.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.76 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าจากไทยไปตลาดโลก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์
แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยเฉพาะในยุคที่ความต้องการของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงจากการใช้รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้นำตลาด (Product Champion) สู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับประเทศไทยและกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก
เพื่อให้ไทยยังคงรักษาความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ต่อไปได้ ควรต้องมีการวางกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น ขณะที่รักษารากฐานให้มั่นคง เร่งสนับสนุนจุดเด่นของไทย เช่น การรักษาความสามารถในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปภายในที่สำคัญของโลก ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับปรุงกระบวนการผลิตและปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ

โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มประเทศ GCC และออสเตรเลีย การปรับตัวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประเทศไทยได้ออกมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ เช่น มาตรการ EV 3.5 ที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ผ่านการอุดหนุน การลดอัตราภาษีขาเข้า และการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนในประเทศซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนแบบครบวงจร อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทยสามารถปรับตัวไปสู่การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า อาทิ แบตเตอรี่พลังงานไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการส่งกำลัง และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีความต้องการสูงในตลาดโลก
ผอ. สนค. กล่าวอีกว่า ไทยยังควรต้องมองหาโอกาสในการปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เป็นแนวโน้มของอนาคต เช่น อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) ” ทำให้ความต้องการเครื่องมือแพทย์ในตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูง

ขณะที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนสามารถขยายตลาดไปสู่การผลิตเครื่องมือแพทย์ที่มีความแม่นยำในการผลิตเช่นเดียวกับชิ้นส่วนรถยนต์ รวมไปถึงอุตสาหกรรมอากาศยาน ที่เป็น New S-Curve ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเครื่องบินทั่วโลก และคาดว่าจำนวนผู้โดยสารทางอากาศจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต โดยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์สามารถปรับใช้ความชำนาญในการผลิตชิ้นส่วนที่มีความละเอียดและคุณภาพสูง เช่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ ของเครื่องบินได้
ภาครัฐและภาคเอกชนมีความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์และส่วนประกอบไทย มั่นใจได้ว่าอุตสาหกรรมนี้จะสามารถปรับตัวและเติบโตได้ต่อไป โดยการขยายโอกาสไปยังตลาดใหม่ ๆ และอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
อ่านข่าว:
สภาพัฒน์ฯหั่นจีดีพีไทยปี68 เหลือ1.8% รับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก
“อาเซียน” ย้ำจุดยืนบนเวทีเอเปค หนุนค้าเสรี รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน
เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 รัฐจ่าย 50% เริ่ม มิ.ย. ลุยเที่ยวโลว์ซีซัน