“ลิเวอร์พูล” การันตีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/2025 ได้สำเร็จ หลังทำคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งทีมอื่น ๆ จนไล่ไม่ทัน แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งนี้ ส่งผลให้ขุนพลหงส์แดง กลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นสมัยที่ 20 เทียบเท่ากับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด Thai PBS รวบรวม 20 เรื่องน่ารู้กับแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ของลิเวอร์พูล มาบอกกัน

1. อาร์เนอ สล๊อตแพ้เพียง 1 ครั้งในปี 2024 ที่ผ่านมา

ในการแข่งขันอันยาวนานของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อาร์เนอ สล๊อต กุนซือคนใหม่ของลิเวอร์พูลทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในช่วงปีปฏิทิน 2024 เขาแพ้เพียง 1 ครั้ง โดยเป็นการคุมทีมต่อเนื่อง จากเฟเยนูร์ด ทีมเก่าในลีกดัตช์ มาสู่ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อาร์เนอมีสถิติคุมทีมชนะถึง 41 เสมอ 9 และแพ้ 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งทีมเดียวที่ยัดเยียดความปราชัยให้กับกุนซือชาวดัตช์ คือทีมม้ามืดอย่างน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมที่ทำผลงานได้ดีอย่างมากในฤดูกาลนี้

2. วาตารุ เอ็นโด เป็นชาวญี่ปุ่นคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์ลีกกับลิเวอร์พูล

วาตารุ เอ็นโด กองกลางเลือดซามูไรของลิเวอร์พูล เป็นนักเตะญี่ปุ่นคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์ลีกกับลิเวอร์พูลได้สำเร็จ ต่อจากทาคุมิ มินามิโนะ (2019/20) นอกจากนี้ เขายังเป็นแข้งญี่ปุ่นคนที่ 4 ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จต่อจากนักเตะญี่ปุ่นอีก 3 คนคือ ชินจิ คากาวะ กับแมนฯ ยูไนเต็ด (2012/13) และชินจิ โอคาซากิ กับเลสเตอร์ ซิตี้ (2015/16) 

3. ก่อนเปิดฤดูกาล 2024-2025 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทำนายให้ลิเวอร์พูลจบที่อันดับ 3 เท่านั้น

เป็นธรรมเนียมของทุกปี ก่อนเริ่มต้นฤดูกาลแข่งขันของพรีเมียร์ลีก มักจะมีการทำนายผล และคาดการณ์แชมป์ลีก หนึ่งในนั้นคือการทำนาย The Analyst (Opta) ที่ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คำนวนหาทีมที่จะคว้าแชมป์ ผลการทำนายออกมาว่า ลิเวอร์พูลจะคว้าอันดับ 3 มีเปอร์เซ็นต์ที่จะคว้าแชมป์ได้เพียง 3.55 % เท่านั้น

4. ฟาน ไดจ์ กัปตันทีมที่ลงเล่นมากที่สุด 4,912 นาที

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ กองหลังชาวดัตช์ กัปตันทีมลิเวอร์พูล เป็นผู้เล่นที่ลงสนามให้กับทีมมากที่สุดในฤดูกาลนี้ โดยลงสนามรวมทุกรายการแข่งขันแล้วกว่า 4,912 นาที (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิ.ย. 68) นอกจากนี้ยังเป็นผู้เล่นที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ทุกนาทีอีกด้วย โดยลงสนามไปมากถึง 3,060 นาที อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ ตอนที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ฤดูกาล 2019/20 กองหลังชาวดัตช์คนนี้ ก็เป็นนักเตะคนเดียวที่ลงสนามทุกนาทีตลอด 38 นัดเช่นกัน

5. อาร์เนอ สล๊อตเข้าทำเนียบ 5 กุนซือคว้าแชมป์ฟรีเมียร์ลีกในปีแรก

การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถือเป็นงานสุดหินโดยเฉพาะกับการเข้าคุมทีมปีแรกที่ต้องมีการปรับตัวกับทีมใหม่ ทว่า อาร์เนอ สล๊อต กุนซือลิเวอร์พูลสามารถจารึกชื่อของตนเอง เข้าทำเนียบ 5 กุนซือที่สามารถนำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปีแรกที่เข้ารับงาน โดยยอดกุนซืออีก 4 คน ได้แก่ โชเซ มูรินโญ  กับเชลซีในปี 2004/05, คาร์โล อันเชลอตติ กับเชลซีในปี 2009/10, มานูเอล เปเยกรินี กับแมนเชสเตอร์ ซิตีในปี 2013/14 และอันโตนิโอ คอนเต กับเชลซีในปี 2016/17

6. เพื่อนร่วมเมืองสุดป่วยด้วยพลุเปลี่ยนสี

แฟนบอลลิเวอร์พูลเริ่มเฉลิมฉลองกันทันทีหลังผลการแข่งขันการันตีแชมป์ลีก พลุสีแดงถูกจุด เมืองเมอร์ซีย์ไซด์อันเป็นถิ่นฐานของทีมถูกย้อมด้วยควันสีแดงแห่งพลุฉลองชัย แต่ท่ามกลางควันสีแดงเหล่านั้นกลับมีควันสีน้ำเงินปะปนอยู่ เบื้องหลังควันสีน้ำเงินนี้มาจากแฟนเอฟเวอร์ตันทีมคู่อริร่วมมือคนหนึ่ง วางแผนกวางซื้อพลุสีน้ำเงินกว่า 10,000 อัน ก่อนนำมาเปลี่ยนฉลากและวางขายให้กับแฟนลิเวอร์พูล กลายเป็นมหกรรมป่วยงานฉลองจากทีมร่วมเมืองที่บอกถึงความเป็นอริต่อกันได้เป็นอย่างดี

7. โดมินิก โซบอสไล คว้าแชมป์อย่างน้อย 1 รายการติดต่อกันได้ 7 ปีติด

โดมินิก โซบอสไล ห้องเครื่องชาวฮังการีของลิเวอร์พูล มีสถิติที่น่าสนใจ เมื่อเจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์ได้อย่างน้อย 1 แชมป์ต่อเนื่อง โดยสามารถคว้าแชมป์มาได้แล้ว 7 ปีติด ได้แก่ ปี 2018–19 ต่อเนื่อง 2019–20 และ 2020–21 คว้าแชมป์ Austrian Bundesliga และ Austrian Cup กับ Redbull Salzburg ปี 2021–22 และ 2022–23 คว้าแชมป์บอลถ้วย DFB-Pokal กับ RB Leipzig ปี 2022–23 คว้าแชมป์ EFL Cup กับลิเวอร์พูล และปีนี้ 2024–25 กำลังจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก นอกจากนี้เจ้าตัวยังสร้างสถิติเป็นนักเตะฮังการีคนแรกที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกด้วย 

8. ลิเวอร์พูดชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25 มีผู้เล่นจากชุดแชมป์ลีกปี 2019/20 อยู่ในทีม 8 คน

จากฤดูกาล 2019/2020 ที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในรอบ 30 ปี ผู้เล่มในทีมชุดดังกล่าวที่ยังอยู่มาจนถึงชุดแชมป์ฤดูกาล 2024/25 มีอยู่ทั้งสิ้น 8 คน ได้แก่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์, เทรนท์ อเลกซานเดอร์-อาโนลด์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, โจ โกเมซ, อลิสซง เบ็คเกอร์, เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ หลายคนยังคงมีบทบาทสำคัญกับทีมแชมป์ชุดนี้อีกด้วย

9. รถแห่แชมป์ที่รอคอยที่พลาดไปเมื่อฤดูกาล 2019/20

การคว้าแชมป์ลีกครั้งล่าสุดของลิเวอร์พูลเมื่อฤดูกาล 2019/2020 แม้จะต้องรอคอยมานานถึง 30 ปี แต่กลับไม่ได้มีขบวนแห่ฉลองอย่างเป็นทางการเนื่องจากอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่มีการฉลอง แชมป์ครั้งล่าสุดนี้จึงเป็นการแห่ฉลองแชมป์ลีกหลังจากรอคอยมาอย่างยาวนาน

10. จากคล๊อปถึงสล๊อต 2 กุนซือร้องเพลงให้แก่กัน

หลังเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะทอตแนม ฮอตสเปอร์ การันตีแชมป์ได้สำเร็จ อาร์เนอ สล๊อต ได้ร้องเพลงเพื่อฉลองกับแฟน ๆ โดยตะโกนว่า “เจอร์เก้น คล็อปป์ ลา ลา ลา ลา ลา !” ร้องด้วยทำนองเพลง Live is Life จากวง Opus การร้องดังกล่าวเพื่อสดุดีให้กับเจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือหงส์แดง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2024 ในเกมสุดท้ายที่เจอร์เก้น คล็อปป์คุมทีมลงสนามนัดสุดท้ายของฤดูกาล เขาได้กล่าวอำลากับแฟนบอล ก่อนที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ร้องเพลง “อาร์เนอ สล๊อต ลา ลา ลา ลา !” เพื่อส่งต่อทีมให้กับกุนซือผู้มาใหม่
การจากลาของกุนซือคนสำคัญทำให้หลายคนช็อก แต่กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูล ก้าวกลับมาประสบความสำเร็จได้เหนือความคาดหมายของหลายคน

11. ก่อนเปิดฤดูกาล 11 อดีตยอดแข้งฟันธงแชมป์ไม่ใช่หงส์แดง

ก่อนเปิดฤดูกาล เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีกได้นำอดีต 11 นักเตะชื่อดังมาฟังธงแชมป์ลีก ผลปรากฏว่าไม่มีใครฟันธงให้ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์แม้แต่คนเดียว ส่วนใหญ่คาดว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะคว้าแชมป์ รองลงมาคือทีมอาร์เซนอล
ผลการฟันธง อดีตดาวเตะที่มองว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี จะได้แชมป์ ได้แก่ คาเรน คาร์นีย์, ทิม เชอร์วู้ด, มาร์ค ชวาร์เซอร์, ดอน ฮัทชิสัน, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ และเจอร์เมน เดโฟ ขณะที่อดีตนักเตะที่มองว่าอาร์เซนอลจะก้าวถึงแชมป์สำเร็จ ได้แก่ ไมเคิล โอเวน, ดาร์เรน เบนท์ และลีออน ออสแมน 

12. โกนาเต้แทนควานซาห์ จุดเปลี่ยนแรกของฤดูกาล

เกมนัดแรกของลิเวอร์พูลในการเริ่มต้นฤดูกาล 2024/2025 คือเกมพบกับทีม อิปสวิช ทาวน์ ในเกมดังกล่าว ลิเวอร์พูลไม่สามารถทำประตูได้ กองหลังยังมีปัญหาในการดวลตัวต่อตัว ทว่าการเปลี่ยนตัวดาวรุ่ง จาเรลล์ ควานซาห์ ออก แล้วให้อิบราฮิมา โกนาเต้ ลงแทน กลายเป็นจุดเปลี่ยนแรกของฤดูกาลที่ช่วยทำให้ลิเวอร์พูลเอาชนะทีมน้องใหม่ได้สำเร็จ ก่อนต่อยอดฟอร์มการเล่นช่วยให้ลิเวอร์พูลจนถึงตอนนี้กลายเป็นทีมหนึ่งที่เสียประตูน้อยที่สุดเพียง 32 ประตู เป็นรองเพียงอาร์เซนอล ที่เสียประตูเพียง 27 ประตูเท่านั้น

13. ฤดูกาลพลิกชีวิตของไรอัน กราเฟนแบร์ก

อีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ คงหนีไม่พ้นกองกลางดางรุ่งชาวดัตช์ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ที่เวลาลงเล่นในลีกรวมเป็นรองเพียงแค่ ฟาน ไดจ์ กัปตันทีม และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยลงเล่นมากถึง 2,928 นาที เจ้าตัวพลิกโอกาสจากฤดูกาลแรกที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเพียง 12 นัด สำรอง 14 นัด สู่การเป็นตัวจริงถาวร โดยปรับตำแหน่งการยืนมาเล่นเป็นกองกลางเบอร์ 6 หรือกองกลางตัวรับมากขึ้น ถึงตอนนี้ เจ้าตัวมีสถิติที่น่าสนใจ โดยสามารถเข้าตัดบอลได้ 57 ครั้ง มากที่สุดในลีก ส่งบอลสำเร็จ 1,583 ครั้ง สูงสุดอันดับ 3 ของลีก และเอาชนะในการครอบครองบอลได้ 182 ครั้ง เป็นอันดับ 3 ของลีก

14. วันที่การันตีแชมป์ฤดูกาล 2024/2025 เป็นวันเดียวกับที่ลิเวอร์พูลพลาดแชมป์ในปี 2014 

วันที่ 27 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา เมื่อลิเวอร์พูลเอาชนะทอตแนม ฮอตสเปอร์ ได้สำเร็จ การันตีการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แต่หากย้อนไป 11 ปีก่อน หรือก็คือวันที่ 27 เมษายน 2014 นี่คือวันเดียวกับวันที่ลิเวอร์พูลพลาดแชมป์ โดยวันนั้นเป็นนัดที่ 36 ขอฤดูกาล ซึ่งลิเวอร์พูลพบกับเชลซี และเกิดเหตุที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด เกิดลื่นล้มจนทำทีมเสียประตู นำมาซึ่งความพ่ายแพ้ 0 – 2 เป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลให้ลิเวอร์พูลชวดแชมป์ลีกในปีนั้น ทั้ง ๆ ที่ทำผลงานได้ดีมาตลอด

15. แชมป์พรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูล ทำให้มีจำนวนลำดับเท่ากับลำดับฟิโบนัชชี (Fibonacci) โดยสมบูรณ์

ฟิโบนัชชี (Fibonacci) คือสัดส่วนตัวเลขที่เท่ากันตามธรรมชาติ เช่น อัตราส่วนของเปลือกหอย คลื่นทะเล เกสรดอกไม้ หากมองด้วยสายตามนุษย์จะรู้สึกว่าลงตัว เรียกอีกอย่างว่า Golden Ratio โดยมีตัวเลขลำดับดังนี้ 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21 เป็นต้น
การคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งนี้ของลิเวอร์พูล ทำให้ลำดับฟิโบนัชชีสมบูรณ์ หากเรียงจากน้อยไปมาก นับเฉพาะแชมป์พรีเมียร์ลีก นั่นคือ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ 1 สมัย, เลสเตอร์ ซิตี 1 สมัย, ลิเวอร์พูล 2 สมัย, อาร์เซนอล 3 สมัย, เชลซี 5 สมัย, แมนเชสเตอร์ซิตี 8 สมัย และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 13 สมัย เท่ากับลำดับฟิโบนัชชีพอดี

16. ลิเวอร์พูลเกือบหลับแต่กลับมาได้ในเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม

ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม เป็นช่วงอันตรายที่ทีมจ่าฝูง มักทำฟอร์มหลุด ด้วยหลาย ๆ  สาเหตุ เช่น มีรายการแข่งถี่ หรือจากความเหนื่อยล้า ในช่วงเวลาดังกล่าว ลิเวอร์พูลก็มีฟอร์มการเล่นที่แย่ลง แต่ในหลาย ๆ เกม จากที่เหมือนจะแพ้ กลับพลิกมาชนะ หรือบางเกมที่คิดว่าจะแพ้ กลับกลายเป็นเสมอ 
เริ่มจากเกมกับไบรจ์ตันที่ถูกนำไปก่อน 1 ลูก ก่อนพลิกกลับมาชนะได้ 2 – 1 เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเกิดขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่อาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานสะดุดพอดี หลังจากนั้นทีมหงส์แดงยังกลับมาได้ในเกมกับเซาแธมป์ตัน ที่โดนนำไป 2-1 ในนาทีที่ 56 แต่พลิกกลับมาเอาชนะได้ 2-3 ในท้ายที่สุด ทำคะแนนนำจ่าฝูงมากถึง 8 แต้ม

17. เหรียญแชมป์มีทั้งหมด 40 เหรียญ ยังมีผู้เล่น 3 คนที่ยังไม่ได้เหรียญ

ตามธรรมเนียมของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก นอกจากจะได้ถ้วยรางวัล ผู้เล่นกับสตาฟยังได้รับเหรียญรางวัลรวมทั้งหมด 40 เหรียญ ทั้งนี้ มีการระบุไว้ว่า ผู้เล่นที่จะได้รับเหรียญรางวัลทันทีหากลงสนามอย่างน้อย 5 นัดขึ้นไป ถึงตอนนี้ลิเวอร์พูลลงสนามมาแล้ว 34 นัด (อัปเดตวันที่ 30 เม.ย.68) เหลืออีก 4 นัดจะสิ้นสุดฤดูกาล แต่ยังมีผู้เล่นอีก 4 คนที่ยังไม่เข้าข่ายที่จะได้รับเหรียญรางวัลนี้ ได้แก่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ปีกจากอิตาลีที่ลงสนามไปแล้ว 4 นัด วิเตซสลาฟ ยารอส ผู้รักษาประตูมือสาม และเจย์เดน แดนส์ กองหน้าดาวรุ่ง ลงสนามไป 1 นัด
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลมีโควตาเหรียญรางวัลทั้งหมด 40 เหรียญที่สามารถจัดสรรเอง และยังคงสามารถมอบให้ผู้เล่นที่ลงสนามไม่ครบได้

18. ควีวิน เคลเลเฮอร์ ประตูสำรองสุดสำคัญที่ผู้คนอาจหลงลืม

อลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูล ได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก ทว่าในฤดูกาลนี้เขาก็ต้องพบกับอาการบาดเจ็บจนต้องใช้ผู้รักษาสำรอง นั่นคือ คลีวิน เคลเลเฮอร์ ที่รับช่วงต่อ ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน จนได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูสำรองที่ดีที่สุดในโลก เคลเลเฮอร์ได้เฝ้าเสาให้กับลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้มากถึง 900 นาที มีผู้รักษาประตูสำรองเพียง 2 คนคือ สเตฟาน ออร์เตกา ของแมนเชสเตอร์ ซิตี และลูคัส ฟาเบียนสกี จากเวสต์แฮมเท่านั้น ที่ลงเล่นมากกว่าเขา และจาก 10 นัดที่ได้รับโอกาส เคลเลฮอร์ยังสามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 4 นัด

19. เทียบฟอร์ม “ซาลาห์” ตอนคว้าแชมป์ 2019/20 กับแชมป์ 2024/25 ร้อนแรงกว่าเดิม

ตั้งแต่โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ย้ายสู่ทีมลิเวอร์พูล เจ้าตัวกลายเป็นดาวยิงตัวความหวังของทีมทันที ปีแรกซัดประตูไปมากถึง 42 ประตู และต่อมาได้กลายเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมานานถึง 30 ปีได้สำเร็จ 
ฟอร์มของซาลาห์ในปีที่คว้าแชมป์ฤดูกาล 2019/20 กับแชมป์ฤดูกาล 2024/25 กลายเป็นฟอร์มที่ร้อนแรงขึ้นอย่างชัดเจน โดยสถิติในชุดแชมป์ฤดูกาล 2019/20 ดาวยิงชาวอียิปต์ทำไปได้ 19 ประตู กับ 10 แอสซิสต์ คว้าตำแหน่ดาวซัลโวสูงสุดของทีม โดยแบ่งบทบาทสำคัญในการทำประตูร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ ที่เป็นรองดาวซัลโวของทีมที่ 18 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ แถมทีมชุดนี้ยังทำสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เร็วที่สุด ก่อนจบฤดูกาลนานถึง 7 เกม
เทียบกับสถิติในชุดแชมป์ฤดูกาล 2024/25 ฟอร์มของซาลาห์ในวัย 32 ปี กลับทำผลงานได้ดีกว่าเดิม เจ้าตัวทำประตูไปได้ 28 ประตู กับ 18 แอสซิสต์ รั้งตำแหน่งดาวซัลโวของทีมในเวลานี้

20. ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัยเท่ากับแมนฯ ยูไนเต็ดได้สำเร็จ

แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งนี้มีความสำคัญเนื่องจาก ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีการแข่งขันกับคู่อริร่วมลีกอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด มาโดยตลอด แรกเริ่มเดิมที ลิเวอร์พูลมีสถิติเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดอยู่ที่ 18 สมัย จนกระทั่งทีมปิศาจแดง - แมนฯ ยูไนเต็ด เข้าสู่ยุคทอง คว้าแชมป์ลีกต่อเนื่องตั้งแต่ 1992-2013 จากเดิมที่ 8 สมัย สู่แชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย แซงลิเวอร์พูลได้สำเร็จ
ลิเวอร์พูลต้องใช้เวลากว่า 30 ปี จนคว้าแชมป์ลีกเพิ่มได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 19 ในฤดูกาล 2019/2020 และตามมาด้วยสมัยที่ 20 ในฤดูกาล 2024/2025 ทำให้ตอนนี้ลิเวอร์พูลกับแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เท่ากันที่ 20 สมัย กลายเป็น 2 ทีมใหญ่ที่ถือสถิติร่วมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้มากที่สุดบนเกาะอังกฤษ โดยทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดอันดับถัดมาได้แก่ อาร์เซนอลที่ 13 สมัย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 10 สมัย และเอฟเวอร์ตัน 9 สมัย

20 เรื่องราวจากแชมป์สมัยที่ 20 ของลิเวอร์พูล หลายเรื่องราวต่างบอกเล่าทีละเล็กทีละน้อยของความพยายามอันยาวนานเพื่อเดินทางมาถึงความสำเร็จ จากความคาดหวัง การส่งต่อถึงการสานต่อและต่อยอด สู่การเฉลิมฉลองครั้งใหญ่เหนือความคาดหมายของหลายคน บทสรุปของการแข่งขันสร้างความประวัติศาสตร์ลูกหนังอีกหน้าหนึ่งที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่แฟน ๆ ยังคงติดตามกันต่อไป