ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รู้จักแร่หายาก "Rare Earth" จากเหมืองสู่มือถือและรถยนต์ไฟฟ้า

ไลฟ์สไตล์
16 พ.ค. 68
13:21
0
Logo Thai PBS
รู้จักแร่หายาก "Rare Earth" จากเหมืองสู่มือถือและรถยนต์ไฟฟ้า
ลองนึกภาพโลกที่ไม่มีสมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า หรือแม้แต่ขีปนาวุธ Rare Earth (แร่หายาก) คือหัวใจที่ทำให้เทคโนโลยีทั้งหมดเป็นจริง แต่เบื้องหลังความล้ำสมัยคือเหมืองที่เต็มไปด้วยสารพิษ เกมการเมืองระดับโลก และสงครามแย่งชิงทรัพยากรระหว่างยักษ์ใหญ่ จีน สหรัฐฯ ยูเครน

Rare Earth หรือ แร่หายาก (Rare Earth Elements : REEs) คือกลุ่มโลหะสุดพิเศษ 17 ชนิด ได้แก่ สแกนเดียม (Sc) อิตเทรียม (Y) และกลุ่มธาตุแลนทาไนด์อีก 15 ตัว ได้แก่ แลนทานัม (La) ซีเรียม (Ce) เพรซีโอดิเมียม (Pr) นีโอดิเมียม (Nd) โพรมีเทียม (Pm) ซาแมเรียม (Sm) ยูโรเพียม (Eu) แกโดลิเนียม (Gd) เทอร์เบียม (Tb) ดิสโพรเซียม (Dy) โฮลเมียม (Ho) เออร์เบียม (Er) ทูเลียม (Tm) อิตเทอร์เบียม (Yb) และลูทีเชียม (Lu)

ชื่อ "หายาก" อาจฟังดูเหมือนสมบัติล้ำค่าที่ต้องตามล่าข้ามทวีป แต่จริง ๆ แล้วแร่เหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในเปลือกโลก มีมากกว่าแร่ทองคำหรือเงินเสียอีก

แต่ปัญหาคือ พวกมันไม่ชอบอยู่รวมกันเป็นก้อนใหญ่เหมือนแร่ทั่วไป แต่กระจายปะปนอยู่ในหินและแร่อื่น ๆ การจะขุดมันขึ้นมาและแปรรูปให้ใช้ได้ จึงต้องใช้เทคโนโลยีสุดล้ำ แถมเสียเงินเป็นถัง ที่แย่กว่านั้นคือกระบวนการนี้ทิ้งสารพิษและกากกัมมันตรังสีไว้เพียบ ซึ่งถ้าจัดการไม่ดีก็เหมือนโยนระเบิดเวลาใส่สิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบเหมือง

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

แล้ว Rare Earth เป็นดาวเด่นโลกยุคใหม่ได้ยังไง ?

ถ้าโลกนี้เป็นหนังฮอลลีวูด Rare Earth น่าจะได้รางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม ด้วยคุณสมบัติทางกายภาพและเคมี เช่น การนำไฟฟ้าและความสามารถในการสร้างแม่เหล็ก ทำให้แร่หายากเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในทุกอย่าง ตั้งแต่ของใกล้ตัวอย่างโทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงของไฮเทคอย่างจรวดอวกาศ 

  • แม่เหล็กสุดพลัง นีโอดิเมียม คือดาวเด่นที่ใช้ทำแม่เหล็กในมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ลำโพง รถไฮบริดใช้แร่นี้ถึง 2 ปอนด์ และกังหันลมขนาดใหญ่กินนีโอดิเมียมถึง 450 ปอนด์/เมกะวัตต์
  • ตัวช่วยกลั่นน้ำมัน ซีเรียม ช่วยแตกโมเลกุลน้ำมันให้สะอาดขึ้น ใช้ในโรงกลั่นน้ำมันและน้ำมันดีเซล
  • แบตเตอรี่แห่งอนาคต แลนทานัมอยู่ในแบตเตอรี่นิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์ของรถไฮบริด
  • จอสวยคมชัด ยูโรเพียมและอิตเทรียม ทำให้หน้าจอทีวีและมือถือมีสีสันสดใส ส่วน เทอร์เบียม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแผงโซลาร์
  • สงครามไฮเทค ขีปนาวุธ เครื่องบินรบ F-35 โดรน และเรดาร์ ล้วนต้องพึ่ง Rare Earth เพื่อความแม่นยำและประสิทธิภาพ

ตามข้อมูลจาก U.S. Geological Survey (USGS) ปี 2566 อุตสาหกรรมที่ใช้ Rare Earth มีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ และความต้องการยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากกระแสพลังงานสะอาดและรถยนต์ไฟฟ้า 

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

Rare Earth มาจากไหน แล้วใครเป็นเจ้าของ ?

ทั่วโลกมีปริมาณสำรอง Rare Earth ราว 120 ล้านตัน เหมือนจะดูเยอะ แต่ส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในไม่กี่ประเทศเท่านั้น

  • จีน เรียกว่าเป็น "ราชาแห่งแร่หายาก" ครอบครองแหล่งแร่หายากมากถึง 44 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 37 และผลิตได้มากถึงร้อยละ 60-80 ของโลก แถมแปรรูปได้ถึงร้อยละ 90
  • เวียดนามและบราซิล ตามมาเป็นอันดับ 2 ร่วมกัน มีแหล่งแร่สำรอง 22 ล้านตันในแต่ละประเทศ
  • รัสเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย มีสำรองพอสมควร แต่ผลิตน้อยเมื่อเทียบกับจีน
  • สหรัฐฯ มีสำรอง "แค่" 1.4 ล้านตัน และผลิตได้เพียงร้อยละ 15 ของความต้องการในประเทศ

"จีน" กลายเป็นเจ้าโลกของ Rare Earth เพราะมีต้นทุนต่ำ ทั้งจากค่าแรงและกฎระเบียบสิ่งแวดล้อมที่ไม่เข้มงวด ทำให้ครองห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่เหมืองจนถึงโรงงานแปรรูป เรียกว่าถ้าจีนขยับ โลกเทคโนโลยีทั้งใบก็สะเทือน

"ยูเครน" ก็เป็นอีกดาวเด่นที่มี Rare Earth ในพื้นที่ตะวันออก เช่น โดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งบางส่วนถูกยึดครองโดยรัสเซียตั้งแต่สงครามปี 2565 ตามรายงานของ European Parliament ปี 2566 ยูเครนมีแร่หายากมากถึง 22 ชนิด และสหภาพยุโรปจัดเป็นทรัพยากรสำคัญ ทำให้แร่เหล่านี้กลายเป็นเป้าหมายในเกมการเมืองและสงคราม

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

สหรัฐฯ กับศึกชิง "Rare Earth"

ในอดีต สหรัฐฯ เป็นผู้นำการผลิต Rare Earth โดยเฉพาะจากเหมือง Mountain Pass ในแคลิฟอร์เนีย แต่ในทศวรรษ 1980 จีนเข้ามาครองตลาดด้วยต้นทุนต่ำ จากค่าแรงถูกและกฎระเบียบสิ่งแวดล้อมที่ผ่อนคลาย ส่งผลให้เหมืองสหรัฐฯ ปิดตัวลง รวมถึง Mountain Pass ที่หยุดในปี 2545 หลังเกิดเหตุน้ำเสียพิษรั่วไหล ปัจจุบัน สหรัฐฯ ผลิตแร่ Rare Earth ได้เพียงร้อยละ 15 ของความต้องการในประเทศ และนำเข้าจากจีนถึงร้อยละ 70-80

การพึ่งพาจีนสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงชาติของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานสะอาด จีนเคยใช้ Rare Earth เป็นเครื่องมือต่อรอง เช่น ปี 2553 จำกัดการส่งออกไปญี่ปุ่น และขู่ควบคุมการส่งออกไปสหรัฐฯ ในช่วงสงครามการค้ากับทรัมป์สมัยแรก สหรัฐฯ จึงเร่งหาทางลดการพึ่งพาด้วยกลยุทธ์

  • พัฒนาการผลิตในประเทศ เหมือง Mountain Pass กลับมาเปิดในปี 2555 และเริ่มแปรรูปแร่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2566 แต่ยังขาดความสามารถในการแปรรูปแร่หนัก เช่น ดิสโพรเซียมและเทอร์เบียม ซึ่งจีนครอง 100%
  • หาแหล่งใหม่ สหรัฐฯ มองไปที่ยูเครน ซึ่งมี Rare Earth ในโดเนตสก์และลูฮันสก์ รวมถึงกรีนแลนด์ที่มีสำรองอันดับ 8 ของโลก ข้อเสนอของทรัมป์ในปี 2568 ที่อาจสนับสนุนยูเครนเพื่อเข้าถึงแร่ สะท้อนถึงความพยายามนี้
  • พันธมิตรในแอฟริกาและเอเชีย สหรัฐฯ จับมือ แคนาดา ออสเตรเลีย และแอฟริกา เช่น คองโก ที่มีโคบอลต์และ Rare Earth แต่ยังต้องแข่งกับจีนที่ครองร้อยละ 60 ของเหมืองในแอฟริกา

Rare Earth กับราคาที่ต้องจ่ายให้สิ่งแวดล้อม

เบื้องหลังความล้ำสมัยของ Rare Earth คือฝันร้ายของสิ่งแวดล้อม การขุดและแปรรูปต้องใช้สารเคมีรุนแรง ซึ่งทิ้งกากกัมมันตรังสีและน้ำเสีย สะท้อนได้ว่าการกำจัดกากแร่ยังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะหลายพื้นที่ใช้ที่เก็บชั่วคราว ซึ่งอาจรั่วไหลในระยะยาว การแก้ปัญหานี้ต้องใช้เงินมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งหลายประเทศยังตามไม่ทัน

  • มลพิษน้ำและดิน การขุดใช้สารเคมีและผลิตกากกัมมันตรังสีจากธาตุโทเรียมและยูเรเนียม ซึ่งอาจปนเปื้อนน้ำใต้ดินและแม่น้ำ 
  • ทำลายระบบนิเวศ การขุดแบบเหมืองเปิดขนาดใหญ่ทำลายป่าและที่อยู่อาศัยสัตว์ป่า เหมืองในรัฐคะฉิ่น เมียนมา ทำให้เกิดดินถล่มและน้ำเสีย กระทบปลาและพืชผล ตามแถลงการณ์ของมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ ปี 2568 
  • สุขภาพชุมชน ชาวบ้านใกล้เหมืองเผชิญโรคผิวหนังและทางเดินหายใจจากฝุ่นพิษและน้ำปนเปื้อน 
    ภาพประกอบข่าว

    ภาพประกอบข่าว

    ภาพประกอบข่าว

Rare Earth หมากในเกมการเมือง

Rare Earth ไม่ใช่แค่เรื่องเหมืองและโรงงาน แต่เป็นหัวใจของสงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ จีนผูกขาด ด้วยการครองการผลิตมากถึงร้อยละ 70 แปรรูปร้อยละ 85-90 ของ Rare Earth ทั้งโลก ด้วยนโยบายลงทุนระยะยาวตั้งแต่ยุค เติ้ง เสี่ยวผิง ที่เปรียบแร่นี้เป็น "น้ำมันแห่งตะวันออก" และใช้แร่หายากเป็นเครื่องมือต่อรอง 

สหรัฐฯ ออกกฎหมาย เช่น Innovation and Competition Act ปี 2021 เพื่อลงทุน 250,000 ล้านดอลลาร์ในเทคโนโลยีแร่หายาก และเจรจาควบคุมแร่ในยูเครนและกรีนแลนด์ สหภาพยุโรปก็สำรวจแหล่งใหม่ในสวีเดนและเซอร์เบีย

ยูเครนและสงคราม Rare Earth ในยูเครน โดยเฉพาะในโดเนตสก์ที่รัสเซียยึดครอง กลายเป็นเป้าหมายของรัสเซียและตะวันตก การควบคุมแร่นี้จะกำหนดอิทธิพลในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยี

เอเชียกลางและแอฟริกา คาซัคสถานและคองโกกลายเป็นสนามแข่งใหม่ จีนครองเหมืองในคองโกถึงร้อยละ 60 ขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปพยายามเจรจาเพื่อเข้าถึงแร่

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ที่สุดแล้ว Rare Earth ก็เป็นเหมือนกุญแจที่ขับเคลื่อนโลกยุคใหม่ แต่ก็มาพร้อมราคาที่ต้องจ่าย ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการเมือง การแข่งขันเพื่อครอบครองเหล่าแร่หายากนี้ จะกำหนดอนาคตของเทคโนโลยี พลังงานสะอาด และความมั่นคงของชาติ โลกอาจต้องหาสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากแร่หายากและการปกป้องสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สมบัตินี้ไม่กลายเป็นคำสาปในอนาคต

ที่มา : U.S. Geological Survey (USGS), European Parliament Ukraine’s Critical Raw Materials, Reuters, International Energy Agency (IEA), แถลงการณ์มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่, Harvard International Review, Science News

อ่านข่าวอื่น :

มูลนิธิไทใหญ่จี้เปิดเผยข้อมูลเหมืองแรร์เอิร์ธ ใกล้ชายแดนไทยเร่งด่วน

ค้นวัดไร่ขิงหาหลักฐานเพิ่มคดี "อดีตเจ้าอาวาส" ยักยอกเงิน 300 ล้าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง